“ฮุนเซน” เตือนปชช.ระวังโควิดช่วงหยุดยาวเทศกาล "ประชุมแบน" 5-7 ต.ค.นี้

05 ต.ค. 2564 | 22:55 น.

กัมพูชาเร่งกระบวนการควบคุมโควิด-19 เพื่อเปิดประเทศในเร็ว ๆนี้ สมเด็จฮุนเซนฯ ออกโรงเตือนประชาชนเฝ้าระวังการแพร่ระบาดช่วงเทศกาลวันหยุด ย้ำความสำเร็จโครงการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชาชนแล้ว 83.9%

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์เนื่องใน เทศกาลประชุมแบน (Pchum Ben) ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค. เนื่องจากประชาชนอาจออกเดินทางภายในประเทศ นำไปสู่ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเชื้อสายพันธุ์เดลตา

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (ภาพข่าวซินหัว)

สมเด็จฮุนเซนแนะนำเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นดำเนินมาตรการป้องกันตามธุรกิจท่องเที่ยวและรีสอร์ตในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมกระตุ้นหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชนจัดการตรวจโรคโควิด-19 แบบรู้ผลเร็วให้พนักงานที่กลับมาทำงานหลังผ่านช่วงวันหยุดยาว เพื่อป้องกันและควบคุมโรคระบาด ขณะที่กัมพูชากำลังเดินหน้าสู่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบในเร็ววันนี้

 

เทศกาลประชุมแบนเป็นเทศกาลใหญ่อันดับ 2 รองจากวันปีใหม่กัมพูชา แม้ปีนี้กัมพูชาจะยกเลิกการเฉลิมฉลองเพื่อป้องกันโรคระบาด แต่หน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชนยังคงหยุดทำการ 3 วันเช่นเดิม

 

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อึต ซอม เฮง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานกัมพูชา กำหนดให้เจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าสำหรับการท่องเที่ยวทั่วประเทศ จัดการตรวจโรคโควิด-19 แบบรู้ผลเร็วให้พนักงานหลังช่วงหยุดยาว ส่วนพนักงานที่ปฏิเสธการตรวจโรคถือเป็นการฝ่าฝืนด้านวินัย ความปลอดภัย และสุขภาพ ตามมาตรา 83 ของกฎหมายแรงงาน พร้อมอนุญาตให้ผู้ว่าจ้างปลดพนักงานกลุ่มนี้ได้ทันที

 

กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ต.ค.) ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่ม 199 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 113,256 รายทั่วประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 23 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 2,383 ราย ขณะเดียวกันมีผู้ที่รักษาจนหายดีแล้วเพิ่มขึ้น 490 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 104,408 ราย

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กัมพูชาเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้วัคซีนจากจีนเป็นหลัก ปัจจุบันมีผู้ฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสแล้วจำนวน 13.42 ล้านคน คิดเป็น 83.9% ของประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน ผู้ฉีดวัคซีนสองโดสแล้ว 11.1 ล้านคนหรือ 69.4% และผู้ฉีดวัคซีนโดสกระตุ้น 901,907 คน หรือ 5.6% เมื่อนับถึงวันเสาร์ (2 ต.ค.) ที่ผ่านมา