ตลาดหุ้นอินเดียจ่อผงาดใหญ่สุดอันดับ 5 ของโลกแซงหน้าอังกฤษใน 3 ปี

21 ก.ย. 2564 | 04:32 น.

โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจของสหรัฐ คาดภายใน 3 ปีนี้ ตลาดหุ้นอินเดียจะผงาดขึ้นเป็นตลาดหลักทรัพย์ใหญ่อันดับ 5 ของโลกแซงหน้าอังกฤษ

โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า นักลงทุนได้รุกเข้าลงทุนใน ตลาดหุ้นอินเดีย อย่างคึกคักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มูลค่าของตลาดหุ้นอินเดียขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ และจะช่วยหนุนตลาดหุ้นอินเดียก้าวขึ้นเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกแซงหน้าตลาดหุ้นอังกฤษภายใน 3 ปีนี้

 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีเปิดเผยรายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า กลุ่มสตาร์ทอัพในอินเดียได้ระดมทุนเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการระดมทุนที่สูงกว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ตลาดหลักทรัพย์ในเมืองมุมไบ

 

โกลด์แมน แซคส์คาดหมายว่า การทำ IPO ในตลาดหุ้นอินเดียจะยังคงแข็งแกร่งในอีก 2 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดียจำนวนมากถึง 150 แห่งในช่วง 36 เดือนข้างหน้านี้

"เราคาดว่าการออกหุ้น IPO ในตลาดหุ้นอินเดียในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะทำให้ทุนจดทะเบียน (มาร์เก็ตแคป) ในตลาดมีจำนวนสูงเกือบ 4 แสนล้านดอลลาร์" รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุ

 

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์เชื่อว่า ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้มูลค่าของตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มผงาดขึ้นเป็นตลาดหุ้นรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกเมื่อพิจารณาจากทุนจดทะเบียน แซงหน้าตลาดหุ้นอังกฤษและตลาดหุ้นตะวันออกกลาง

 

รายงานระบุว่า บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งของอินเดียได้ประกาศแผนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่งรวมถึง

  • บริษัท Zomato ซึ่งเป็นผู้ให้บริการส่งอาหาร
  • บริษัท Paytm ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่
  • บริษัท Ola ผู้ให้บริการรถรับส่ง และ
  • บริษัท Flipkart ซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ตลาดหุ้นอินเดียจ่อผงาดใหญ่สุดอันดับ 5 ของโลกแซงหน้าอังกฤษใน 3 ปี

อินเดียมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 800 ล้านราย และมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนกว่า 500 ล้านราย ซึ่งเป็นรองแค่จีนเท่านั้น โดยการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพร้อมใช้งานของข้อมูลมือถือ (mobile data) ราคาถูก นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังทำให้หลายภาคส่วนหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น