นักธุรกิจอินเดียเข้าไทยได้แล้วททท.ลุ้นศบค.คลายล็อกเปิดรับนักท่องเที่ยว

30 ส.ค. 2564 | 11:51 น.

นักธุรกิจอินเดียเข้าไทยได้แล้วรอรอศบค.คลายล็อกเปิดให้รับนักท่องเที่ยว ททท.มุมไบ-นิวเดลี ชี้ นักท่องเที่ยวอินเดียยังต้องการเที่ยวไทย หากมาตรการผ่อนคลาย ปลายปี 64 เตรียมดึงกลุ่มศักยภาพ สร้างรายได้ท่องเที่ยวเฉียดแสนล้านบาท

จากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ระบาดหนักในอินเดียเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยหยุดการออกใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) แก่นักท่องเที่ยวอินเดียมานานกว่า 4 เดือนแล้ว จนล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุญาตให้เฉพาะนักธุรกิจจากอินเดียที่มีถิ่นพำนัก มีใบอนุญาตทำงาน และมีครอบครัวในไทยเท่านั้น สามารถเดินทางเข้าไทยได้แต่จะต้องกักตัว14 วัน

                                   

แต่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งต้องรอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาอีกทีว่าจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวไทยได้เมื่อไร โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมุมไบ และนิวเดลี ประเทศอินเดีย ฉายภาพรวมโควิด-19 ในอินเดียดีขึ้น ผู้ติดเชื้อลดลงมีการกระจายวัคซีนแล้วกว่า 600 ล้านโดส

 

จากสถิติปี 62 ตลาดอินเดียน่าสนใจ มีอัตราเติบโตรวดเร็ว ย้ำจากผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวอินเดียยังคงสนใจเดินทางท่องเที่ยวไทย หากเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว ไตรมาส 4 เตรียมเจาะกลุ่มศักยภาพ Golf, Wedding และ Millennials ประสานเที่ยวบินพาณิชย์ หรือจัด Charter Flight จากเมืองหลักเข้าไทยไม่น้อยกว่า 4,200 คน สร้างรายได้กว่าแสนล้านบาท

 

ชลดา สิทธิวรรณ

นางสาวชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานมุมไบ และนายวชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนิวเดลี ร่วมกันเปิดเผยว่า สถานการณ์การรระบาดของโควิด-19 ในอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น เริ่มผ่อนคลายมาตรการจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและมีอัตราผู้รักษาหายสูงขึ้น โดยเฉพาะเมืองนิวเดลีและมุมไบ เนื่องจากมีความพร้อมกระจายผลิตวัคซีน เวชภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอินเดียใช้วัคซีนหลัก 2 ชนิด ได้แก่  Covishield และ Covaxin เริ่มต้นฉีดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม 2564 ในประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เฉลี่ยฉีดได้วันละ 5 ล้านโดส

 

ปัจจุบันอินเดียมีอัตรากระจายวัคซีนแล้วกว่า 600 ล้านโดส และประชากรได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ร้อยละ 10.3 ของจำนวนประชากร ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียคาดว่าจะสามารถกระจายวัคซีนครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุในเมืองใหญ่อย่างเมืองนิวเดลลีและมุมไบ ครบ 100% ภายในเดือนตุลาคม 2564

  

วชิรชัย สิริสัมพันธ์                                                         

ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวอินเดีย เนื่องจากเป็นจุดหมายระยะใกล้และได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival (VOA) จากสถิติปี 2562 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางท่องเที่ยวไทย 1,961,069 คน เติบโตร้อยละ 25.48 ใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 44,688 บาทต่อคน พักค้างเฉลี่ยประมาณ 7 วัน สร้างรายได้ 80,039.88 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 19.96 ส่งผลให้อินเดียขึ้นมาเป็นตลาดอันดับ 3 จากอันดับ 6 ในปี 2561 รวมถึงมีจำนวนเที่ยวบินเข้าประเทศไทยจากอินเดียกว่า 300 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ด้วย

 

สะท้อนว่าอินเดียเป็นตลาดศักยภาพที่น่าจับมอง มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ททท.จึงพยายามผลักดันโดยพิจารณา 3 ปัจจัย ได้แก่

 

1. นักท่องเที่ยวอินเดียยังคงต้องการเดินทางท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมีการสอบถามเกี่ยวกับมาตรการเข้าประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ

 

 2. มาตรการการเดินทางเข้า-ออกอินเดีย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน สามารถเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้ามาในประเทศได้ตามมาตรการควบคุมโรค ซึ่งกำหนดให้รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ แสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมง และขอความร่วมมือสังเกตอาการตนเอง (Self Monitoring) เป็นเวลา 14 วัน

 

 3.ช่วงโควิด-19 แม้ว่าต้นทุนการเดินทางจะสูงขึ้น แต่ยังพบการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียโดยเที่ยวบินพาณิชย์ (Commercial Flight) ระหว่าง 28 ประเทศภายใต้ข้อตกลง Air Bubble Agreement อาทิ มัลดีฟ รัสเซีย ศรีลังกา เยอรมัน แคนาดา สะท้อนว่านักท่องเที่ยวอินเดียไม่ค่อยอ่อนไหวกับสถานการณ์ มีกำลังซื้อสูง

 

ทั้งจากการสำรวจความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของคนอินเดีย โดย Thomas Cook เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 กลุ่มตัวอย่างกว่า 4,000 ราย พบว่า ร้อยละ 46 ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเมืองหรือประเทศที่ต้องการเดินทางไปมากที่สุดได้แก่ ดูไบ อะบูดาบี มัลดีฟส์ และไทย

นักธุรกิจอินเดียเข้าไทยได้แล้วททท.ลุ้นศบค.คลายล็อกเปิดรับนักท่องเที่ยว

สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าประเทศไทย ปัจจุบันกระทรวงการต่างประเทศกลับมาเปิดรับคำขอใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry: COE) ของผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยจากอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 เฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้มีเอกสารอนุญาตทำงาน (work permit) และครอบครัว โดยต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) และเข้าสู่มาตรการ State Quarantine ในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนี้จึงจะประเมินและพิจารณากลุ่มอื่นๆ ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ ททท. ทั้ง 2 สำนักงาน จะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งการให้ข้อมูลประชาสัมพันธ์สถานการณ์ภายในประเทศ มาตรการด้านสุขอนามัย SHA ตลอดจนสำรวจความเห็นของ Travel Agency (TA) กว่า 300 รายทั่วประเทศอินเดีย ได้รับยืนยันกว่า 94% ว่านักท่องเที่ยวอินเดียมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวไทยอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา1เดือนครึ่งในการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองหลัก เช่น นิวเดลีและมุมไบเข้า "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"

 

โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสุขอนามัย กิจกรรมท่องเที่ยว และราคาที่น่าดึงดูดเป็นหลัก ส่วนใหญ่มีระยะเวลาพักค้างต่ำกว่า 7 วัน ซึ่ง TA เตรียมนำร่องทำการตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียระดับกลางไปจนถึงกลุ่มระดับบน ในปี 2565 ททท. ให้ความสำคัญกับกลุ่มตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม First Mover ได้แก่ กลุ่มศักยภาพ Golf, Wedding, Millennials ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากเมืองหลัก

 

ททท.ประมาณการว่า หากไตรมาส 4 ในช่วง 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564 ศบค. มีมติผ่อนคลายเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวและเที่ยวบินพาณิชย์กลับมาบินใน 6 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลี มุมไบ กัลกัตตา เชนไน ไฮเดอราบัด และบังกะลอร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 250 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์ พิจารณาจากจำนวน Seat Capacity จะทำให้มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทย ประมาณ 21,000 ที่นั่ง สร้างรายได้ประมาณ 938,448,000 บาท  

 

หากไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ จะจัด Charter flight สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใน 2 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลีและมุมไบ เที่ยวบินละ 150 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์ ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทย 4,200 คน สร้างรายได้ประมาณ 187,689,600 บาท