ฟิลิปปินส์ประกาศล็อกดาวน์กรุงมะนิลารอบใหม่ 2 สัปดาห์

07 ส.ค. 2564 | 01:29 น.

ฟิลิปปินส์กลับมาล็อกดาวน์กรุงมะนิลาอีกครั้งวานนี้ (6 ส.ค.) หวังสกัดกั้นการระบาดของโคโรนาไวรัส โควิด-19 ลดแรงกดดันของภาคสาธารณสุข ควบคู่กับพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ล่มสลายจากโควิดกลายพันธุ์เดลต้า

สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา (VOA) รายงานว่า บรรยากาศทั่ว กรุงมะนิลา เมืองหลวงที่มีประชากร 13 ล้านคนของ ฟิลิปปินส์ เต็มไปด้วยด่านตำรวจตรวจตราตามจุดต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น หลังทางการเริ่มต้น ล็อกดาวน์รอบใหม่ เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ครอบคลุมกรุงมะนิลาและจังหวัดลากูนาที่อยู่ใกล้เคียง

 

ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เมืองหลวงครั้งใหม่ของฟิลิปปินส์ อนุญาตให้ธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สามารถดำเนินกิจการได้ในระยะ 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมทั้งอนุญาตให้ผู้คนออกกำลังกายนอกเคหะสถานได้ แต่บังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว 8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน

ฟิลิปปินส์ประกาศล็อกดาวน์กรุงมะนิลารอบใหม่ 2 สัปดาห์

ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า หากไม่เริ่มต้นล็อกดาวน์กรุงมะนิลาอีกครั้ง การปะทุขึ้นของยอดติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เดลตาจะทำให้สาธารณสุขของเมืองหลวงฟิลิปปินส์ล่มสลาย หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เดลต้ากว่า 330 ราย และเกรงว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ

 

ขณะที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่ามาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ที่มีเป้าหมายปกป้องเศรษฐกิจกรุงมะนิลาที่คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ อาจจะทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักกว่าเดิม จากที่มาตรการล็อกดาวน์ครั้งก่อนของฟิลิปปินส์ ซึ่งรวมถึงการห้ามเด็กและเยาวชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน ได้ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ตกงานหลายล้านคน

 

อย่างไรก็ตาม ในการล็อกดาวน์ครั้งนี้ ทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้ให้เงินช่วยเหลือ 4,000 เปโซ หรือราว 2,500 บาทต่อครัวเรือน เพื่อเยียวยาผลกระทบเบื้องต้น

ฟิลิปปินส์ประกาศล็อกดาวน์กรุงมะนิลารอบใหม่ 2 สัปดาห์

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ประชาชนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนควรต้องอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น และหากพยายามออกจากบ้าน จะมีตำรวจพากลับบ้านไป เพราะคนเหล่านี้คือ “ผู้แพร่เชื้อที่เดินได้”

 

ด้วยเหตุนี้ ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จึงเดินทางไปต่อคิวรับวัคซีนกันอย่างเนืองแน่นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เพราะพวกเขากังวลว่าจะไม่สามารถเดินทางไปข้างนอกได้ หรืออาจไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหากไม่ฉีดวัคซีน เป็นเหตุให้ทางการต้องสั่งปิดศูนย์ฉีดวัคซีนไป 1 แห่ง เพราะคนต่อคิวฉีดวัคซีนจนล้นอาคาร

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงถ้อยแถลงของปธน.ดูแตร์เตว่า เขาไม่ได้บังคับให้ประชาชนแห่กันไปฉีดวัคซีน เพราะรัฐบาลไม่ได้ออกกฎบังคับหรือห้ามคนที่ไม่ฉีดวัคซีนออกจากบ้าน เพียงแต่แนะนำให้ประชาชนไปเข้ารับวัคซีนต้านโควิดเท่านั้น

 

ปัจจุบัน ชาวฟิลิปปินส์ กว่า 10 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว คิดเป็นสัดส่วน 9% ของประชากรทั้งประเทศ