4 กรกฎาคม วันชาติสหรัฐ ความหมายของเพลงชาติ The Star-Spangled Banner

03 ก.ค. 2564 | 17:39 น.

เพลงชาติของสหรัฐอเมริกา จะถูกร้องอยู่เสมอในงานใหญ่ๆสำคัญๆ ที่มีคนร่วมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการเฉลิมฉลองวันชาติ 4 กรกฎาคม และนักร้องที่ร้องเพลง The Star-Spangled Banner นี้ มักจะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง มีเสียงทรงพลัง ที่มีรางวัลการันตีต่างๆ มากมาย

เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์ (The Star-Spangled Banner แปลว่า ธงอันแพรวพราวด้วยดวงดารา ซึ่งดาวแต่ละดวงบนผืนธง หมายถึงแต่ละมลรัฐ ที่รวมกันเข้าเป็นสหรัฐอเมริกา) เป็นชื่อ เพลงชาติสหรัฐ ผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นกวีนิพนธ์ในปี 2357 คือ ฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key) ผู้ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการประพันธ์คำร้องเมื่อได้เห็นภาพ ธงชาติอเมริกาโบกสะบัดบนยอดเสาตอนรุ่งสาง หลังจากอเมริกาได้รับชัยชนะเหนืออังกฤษ ที่ตรงนั้นเป็นสมรภูมิรบ และด้วยความรู้สึกตื้นตันที่มีอยู่อย่างท่วมท้น เขาจึงได้แต่งกวีนิพนธ์ดังกล่าวภายใต้ชื่อ "การต่อสู้พิทักษ์ป้อมแม็กเฮ็นรี (Defence of Fort M'Henry)" ซึ่งต่อมาเมื่อมีการประกอบดนตรีเข้าไป จึงให้ชื่อเพลงว่า The Star-Spangled Banner ซึ่งเป็นชื่อที่ฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ใช้เรียกธงชาติอเมริกา

4 กรกฎาคม วันชาติสหรัฐ ความหมายของเพลงชาติ The Star-Spangled Banner เพลงนี้ค่อนข้างร้องยาก เพราะมีทั้งเสียงต่ำ และเสียงขึ้นสูง แม้บทกวีดั้งเดิมจะมีถึง 4 บท แต่ปัจจุบันนิยมร้องเพียงแค่บทเดียว เคยมีสองนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษ เปิดเผยผลการศึกษาว่า เพลงชาติของอังกฤษ God Save the Queen นั้น เป็นเพลงชาติที่ร้องตามได้ยากที่สุด ส่วน The Star-Spangled Banner เพลงชาติอเมริกัน ร้องยากรองลงมาเป็นอันดับสอง ในขณะที่เพลงชาติฝรั่งเศส La Marseillaise กลับเป็นเพลงชาติที่ร้องตามได้ง่ายที่สุด

ประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน เริ่มให้ใช้เพลงนี้เป็นเพลงของทางการเมื่อปี 2459 (ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง) และรัฐสภาสหรัฐได้กำหนดเป็นเพลงชาติทางการตามกฎหมายเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2474 ซึ่งประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์เป็นผู้เซ็นอนุมัติ

เรามาลองดูกันว่า เพลงชาติสหรัฐอเมริกา The Star-Spangled Banner  มีความหมายว่าอย่างไร (ขอขอบคุณบทแปลเพลงชาติสหรัฐ The Star-Spangled Banner จาก แม่แอ๋ว – Brillkids Thailand)

4 กรกฎาคม วันชาติสหรัฐ ความหมายของเพลงชาติ The Star-Spangled Banner

O say, can you see, by the dawn’s early light, What so proudly we hail’d at the twilight’s last gleaming?

โอ้ ดูสิ เธอเห็นไหม เมื่อแสงสว่างยามรุ่ง เราร้องทักทายแสงรุ่งอรุณอย่างภาคภูมิ

 

Whose broad stripes and bright stars, throgh the perilous fight, Over the ramparts we watched, were so gallantly streaming?

ซึ่งมีเส้นขอบฟ้ากว้างและดาวส่องแสง ที่ผ่านมาได้ด้วยการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอันตราย บนป้อมปราการที่เราเฝ้าดู อันแสนสง่างามเจิดจ้า

 

And the rockets’ red glare, the bombs bursting in air,

และไฟสว่างวาบจากจรวด ระเบิดประทุในอากาศ

 

Gave proof thro’ the night that our flag was still there.

ให้การพิสูจน์ว่า ผ่านพ้นคืนนี้ไป ธงชาติของเราก็ยังคงอยู่

 

O say, does that star-spangled banner yet wave O’er the land of the free and the home of the brave?

โอ้ ดูสิ ผืนธงประกายดาวสะบัดไหว บนแผ่นดินแห่งความเสรีและบ้านเมืองแห่งความหาญกล้า

 

On the shore dimly seen thro’ the mists of the deep, Where the foe’s haughty host in dread silence reposes, What is that which the breeze, o’er the towering steep, As it fitfully blows, half conceals, half discloses?

บนฝั่งที่เห็นลางๆผ่านหมอกหนา คือที่ ๆศัตรูฉกาจอยู่ด้วยความเกรงกลัว คือที่ ๆสายลมพัดผ่านตึกสูง ในขณะที่พัดโชยมาเป็นครั้งคราว กึ่งปกปิด กึ่งเปิดเผย

 

Now it catches the gleam of the morning’s first beam, In full glory reflected, now shines on the stream:

ตอนนี้ธงไสวได้คว้าเอาแสงสว่างประกายแรกของรุ่งอรุณ

 

Tis the star-spangled banner: O, long may it wave O’er the land of the free and the home of the brave!

นี่คือ ผืนธงประกายดาวสะบัดไหว โอ้ ธงจะโบกสะบัดยั่งยืนยาวนาน บนแผ่นดินแห่งความเสรีและบ้านเมืองแห่งความหาญกล้า