อเมซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซจากสหรัฐอเมริกาที่ฉีกไลน์ธุรกิจออกมาเปิดร้านค้าในรูปแบบทั่วไปด้วยแล้ว ประกาศเดินหน้าเปิดร้านค้าอีก 3,000 แห่งภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยจะเป็นร้านแนวใหม่ ที่ไม่ต้องมีพนักงานเก็บเงินหรือแคชเชียร์อีกต่อไป
ร้านค้าแนว cashierless หรือร้านค้าประเภทที่ไม่ต้องมีพนักงานเก็บเงิน ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ของอเมซอนภายใต้ชื่อร้าน “อเมซอน โก” (Amazon Go) ปัจจุบัน เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 3 สาขา ตั้งอยู่ในเมืองซีแอทเทิลซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท และที่เมืองชิคาโก เป็นสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นสัปดาห์ (17 กันยายน) บริษัทมีแผนเปิดร้านลักษณะนี้อีก 3,000 สาขาภายในปี 2564
การก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกในลักษณะนี้ของอเมซอน เท่ากับเป็นการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับบรรดาร้านค้าสะดวกซื้อและแม้กระทั่งร้านฟาสต์ฟู้ดที่บริการอาหารจานด่วนทั่วสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชูจุดเด่นบริการที่รวดเร็วฉับไว ให้ความสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่ไม่มีเวลามากนัก
กล่าวได้ว่านี่เป็นรูปแบบบริการค้าปลีกที่นำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่นระบบสั่งซื้อสินค้าอัตโนมัติ ระบบชำระเงินด้วยตนเอง ทำให้อเมซอนสามารถกล่าวอ้างเป็นสโลแกนได้เลยว่า เมื่อมาช็อปปิ้งที่นี่ ลูกค้าไม่ต้องเข้าคิวรอแถวจ่ายเงิน ไม่ต้องลงทะเบียน เพราะเพียงแค่เดินเข้ามาในร้านที่มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางฟุต แล้วก็สแกนสินค้าที่ต้องการผ่านแอพพลิเคชั่น “อเมซอน โก” เท่านั้นก็สามารถหยิบสินค้าแล้วเดินออกจากร้านได้เลย สินค้าส่วนใหญ่ภายในร้านจะเป็นอาหารพร้อมรับประทาน เช่น แซนด์วิช สลัด โยเกิร์ต และธัญพืชอัดแท่งเพื่อสุขภาพ เป็นต้น บางสาขาก็กำลังทดลองวางจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ยังต้องนำไปปรุงที่บ้านก่อนรับประทาน
หลังมีข่าวความเคลื่อนไหวของอเมซอนในครั้งนี้ออกมา ราคาหุ้นของผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆในลักษณะคล้ายๆกันไม่ว่าจะเป็น ซีวีเอส วอลกรีนส์ วอลมาร์ท ทาร์เก็ต หรือโครเกอร์ ก็พากันร่วงลงตามๆกัน ผู้บริหารของอเมซอนเปิดเผยในเบื้องต้นว่า จากจำนวนทั้งหมดราว 3,000 สาขาในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะเปิดประมาณ 10 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 สาขาในพื้นที่เมืองใหญ่ อย่างเช่นซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ค ภายในปี 2562