เมื่อปี 2552 อดีตประธานาธิบดีจีน หู จิ่นเทา ได้ไปเยือนมณฑลยูนนาน ดินแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่ใหญ่อันดับ 12 ของจีนด้วยขนาดพื้นที่ 394,100 ตารางกิโลเมตร ประชากรขณะนั้นประมาณ 45 ล้านคน และได้กล่าวว่าต้องการให้ยูนนานเป็นเมืองหน้าด่านเพื่อเปิดประตูทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เชื่อมมณฑลตอนในของจีนกับเอเชียใต้และอาเซียน
ในเวลาต่อมาจากคำปรารภได้กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับประเทศในปี 2554 เมื่อคณะรัฐมนตรีจีนอนุมัติให้มณฑลยูนนานเร่งพัฒนาความเป็นเมืองหน้าด่านโดยมีแผนแม่บทปี 2554-2563 ออกมารองรับให้เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ระบบโลจิสติกส์ และเขตเศรษฐกิจภาคกลางยูนนาน จนมาถึงวันนี้ยูนนานก็ยิ่งมีบทบาทชัดเจนขึ้นตามนโยบาย “ก้าวออกไป” (Going Out) และ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (One Belt, One Road) ของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง
[caption id="attachment_119855" align="aligncenter" width="503"]
คณะสื่อมวลชนไทย[/caption]
เมื่อวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกของ “สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน” ได้รับคำเชิญจากสำนักงานต่างประเทศมณฑลยูนนาน ผ่านการประสานงานของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เดินทางไปศึกษาทำความเข้าใจต่อ “ยูนนาน” ถึงสภาพปัจจุบันและบทบาทในอนาคตอันใกล้ดังกล่าว
ด้วยเหตุว่าการจะพัฒนายูนนานซึ่งมีสภาพภูมิประเทศ 94% เป็นภูเขาและที่ราบสูง มีระดับความสูงชันต่างกันตั้งแต่ 74-6,000 เมตร สภาพอากาศก็หลากหลาย อุณหภูมิในแต่ละวันก็ต่างกันมากตั้งแต่ร้อนระดับ อบอุ่นทั้งปี บางพื้นที่ร้อนถึง 40 องศา จนถึงบางเขตที่มีหิมะทั้งปี ถือเป็นงานที่ท้าทายของรัฐบาลและคณะผู้บริหารมณฑล
อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้เมือง “คุนหมิง” เป็นศูนย์กลางของเขตเศรษฐกิจภาคกลางยูนนาน ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีนฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2559 - 2563) ระบุว่ายูนนานจะมีทางหลวงใช้งาน 2.5 แสนกิโลเมตร และทางด่วน 6,000 กิโลเมตร จากปี 2558 ที่มีทางหลวง 2.2 แสนกิโลเมตร ทางด่วน 4,000 กิโลเมตร
[caption id="attachment_119854" align="aligncenter" width="500"]
ต้าหลี่ เมืองโบราณศูนย์กลางของอาณาจักรน่านเจ้าในอดีต[/caption]
ทางหลวงระดับประเทศที่เพิ่มขึ้นมี 7 เส้นทางเชื่อมไปยังมณฑลภายใน เช่น กุ้ยโจว เสฉวน ฉงชิ่ง กวางโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ทิเบต ส่วนทางด่วนระหว่างประเทศมี 5 เส้นทาง เชื่อมสู่เอเชียใต้และอาเซียน โดยเส้นทางที่จะเชื่อมสู่ลาวถึงไทยคือ คุนหมิง-บ่อหาน อีก 4 เส้นทางจะมุ่งสู่เมียนมา เวียดนามและอินเดีย
นอกจากทางด่วนระหว่างประเทศแล้ว โครงการหนึ่งที่หลายคนรอคอยคือเส้นทางรถไฟจากคุนหมิง-ยวี่ซี-บ่อหาน-เวียงจันทน์-หนองคาย-กรุงเทพฯ กำหนดเป้าหมายให้สำเร็จในปี 2564 โดยที่ลาวได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ที่กรุงเวียงจันทน์ ในไทยได้ทำพิธีปักธงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2558 หากเส้นทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จตามแผน บริการที่จะตามมาคือขบวนรถไฟความเร็วปานกลาง (หรือความเร็วสูง) ที่จะทำให้ประชาชน 3 ประเทศเดินทางท่องเที่ยวและทำการค้ากันมากขึ้น
ภาคการขนส่งสินค้าของยูนนานมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านหยวน ขยายตัวเฉลี่ย 10.4%ต่อปี และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีมูลค่า 2 แสนล้านหยวน ขยายตัวเฉลี่ย 13% ต่อปี มีเป้าหมายควบคุมให้ค่าใช้จ่ายภาคการขนส่งอยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 18% ของจีดีพี เพื่อให้ยูนนานเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นศูนย์โลจิสติกส์และการค้าเกษตรที่รายสูงของจีและศูนย์กลางโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนเชื่องโยงอาเซียนและเอเชียใต้
ยูนนานเป็นมณฑลของจีนที่ใกล้ไทยที่สุด มีการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนและข้าราชการอยู่เสมอ จากด่านบ่อหานของจีน ผ่านเส้นทาง R3A ถึงด่านเชียงของจังหวัดเชียงราย ระยะทาง 247 กิโลเมตร ทางจีนบอกว่าช่วงวันหยุดตรุษจีนเคยมีชาวจีนขับรถยนต์ท่องเที่ยวจากคุนหมิงผ่านลาวมาถึงไทยเป็นจำนวนมากถึง 7,000 คน
ปี 2558 มณฑลยูนนานมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 3 แสนล้านหยวน รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.75 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 7.75% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากไทยกว่า 5 แสนคน แต่ถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 323.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.04% ปี 2559 คาดว่ารายได้จะเกิน 4 แสนล้านหยวน โดยมีเมืองคุนหมิง ติดอันดับ 2 เมืองน่าอยู่ที่สุดของจีนในปี 2559 รองจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง เมืองต้าหลี่ ที่ยังสามารถรักษาเมืองโบราณศูนย์กลางของอาณาจักรน่านเจ้าที่มีทะเลสาบน้ำจืด “เอ๋อไห่” และวัดฉงเซิ่น(เจดีย์ 3 องค์) เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ไม่น้อยกว่าปีละ 20 ล้านคน และเมืองจิ่งหง(เชียงรุ่ง) ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ที่มีชาวไทลื้อ และบ้านเมืองที่สร้างอย่างมีเอกลักษณ์ของล้านนา
ทางจีนบอกว่าแม้เศรษฐกิจโลกไม่ดี ภาพรวมทางเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจยูนนานเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.7% และปี 2559 คาดหมายขยายตัว 8.8%
มองยูนนานแล้วหันกลับมามองไทยในฐานะเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของยูนนานรองจากเมียนมา เวียดนามและฮ่องกง ปี 2558 มีมูลค่าการค้า 1,688 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เป็นการนำเข้าถึง 1,499 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 81.4% ส่วนใหญ่คือผลไม้ ผัก ไทยส่งออกแค่ 189 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลไม้ กล้วยไม้ อาหารทะเล ถือว่ายังขาดดุลการค้าอีกมาก แต่ขณะเดียวกันสินค้าไทยก็ยังเป็นที่ต้องการของชาวจีนอีกมากไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิที่ชาวจีนนิยมบริโภค หมอนยางพารา ผลิตภัณฑ์โอท็อป ผลิตภัณฑ์งานฝีมือ ฯลฯ ที่ยังมีโอกาสเข้าไปเจาะตลาดอีกมากในยุคที่ชาวจีนมีกำลังซื้อมีความต้องการของดีมีคุณภาพ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,218 วันที่ 15-17 ธันวาคม 2559