จับตานับคะแนนใหม่ 16 จว. “เพื่อไทย”ห่วงปมไต่สวนพิธา ม.151กระทบตั้งรัฐบาล

10 มิ.ย. 2566 | 11:53 น.

เพื่อไทยจับตาการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ รวม 47 หน่วยเลือกตั้งใน 16 จังหวัด อาจส่งผลดี-ผลเสียได้กับทุกพรรคการเมือง แต่เชื่อคงไม่กระทบพรรคเพื่อไทย ห่วงปมไต่สวน"พิธา" กรณี ม.151 กระทบการจัดตั้งรัฐบาล

 

10 มิ.ย. 2566 นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มี การนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ รวม 47 หน่วยเลือกตั้งใน 16 จังหวัดในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ว่า ถือเป็นการสั่งนับคะแนนใหม่ที่มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา แสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ และมีความพยายามที่จะกระทำทุจริตในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ หรือไม่ ส่วนจะผิดปกติในขั้นตอนใด กกต.ควรจะเข้าไปตรวจสอบด้วยนอกเหนือไปจากการสั่งนับคะแนนใหม่

ส่วนการนับคะแนนใหม่จะมีผลต่อสัดส่วน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดหมายยาก เพราะไม่รู้ว่าปัญหาที่ต้องนับคะแนนใหม่เกิดจากอะไร เมื่อนับคะแนนใหม่ก็จะเกิดความไม่แน่นอน ส่วนจะเกิดผลดีหรือผลเสียกับพรรคการเมืองหรือไม่นั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค

“ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดู แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เท่าที่ได้พูดคุยกับว่าที่ ส.ส.ที่อยู่ในเขตที่ต้องมีการนับคะแนนใหม่ ไม่มีใครหนักใจกับเรื่องดังกล่าว จึงเชื่อว่าการนับคะแนนใหม่คงไม่กระทบกับพรรคเพื่อไทย” นายสุมินกล่าว อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อร้องเรียนว่าที่ ส.ส.ประมาณ 20 กว่าคน ก็ถือเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา

นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)

ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยจับตาดูอยู่ โดยให้ผู้สมัครส.ส. ในเขตเลือกตั้งที่ต้องนับคะแนนใหม่ทั้งหมด ติดตามการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด เพราะการนับใหม่ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยได้

ส่วนกรณีที่กกต.ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น แต่สั่งให้ดำเนินการไต่ส่วนเรื่องดังกล่าวเนื่องจากคำร้องมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนว่า นายพิธา เป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น

ที่ผ่านมาในวงหารือของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ไม่เคยนำกรณีที่นายพิธาถูกร้องขึ้นมาหารือ เพราะเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล แต่เมื่อกกต.ตั้งกรรมการไต่สวนขึ้นมา ทางแกนนำพรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงว่า ประเด็นดังกล่าวจะกระทบกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องจัดการเอง

พรรคเพื่อไทยได้แต่ให้กำลังใจและขออย่าให้ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคกับการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จไปได้ด้วยดี และยังไม่คิดต่อไปว่าหากเกิดอะไรขึ้นทางออกของการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยยังเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้