ชู "ตุ๊กตายาง"หาเสียง เปิดนโยบาย "เซ็กส์ทอย" รายพรรค

28 เม.ย. 2566 | 21:43 น.

"ตุ๊กตายาง" made in Thailand ไอเดียหาเสียงพรรคการเมือง เพิ่มมูลค่ายางพารา สร้างรายได้จากการส่งออก หนึ่งในนโยบายปลดล็อก "เซ็กส์ทอย" ถูกกฎหมาย เปิดรายชื่อ เช็คนโยบายพรรคการเมือง

"ตุ๊กตายาง" เซ็กส์ทอย (Sex Toy) ชนิดหนึ่ง ที่ถูกหยิบยกมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง 2566 นี้ ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจการส่งออก ด้านการยกระดับ เพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรอย่าง ยางพารา รวมไปถึงมิติทางสังคม แม้ในปัจจุบัน "ตุ๊กตายาง" และเซ็กส์ทอย (Sex Toy) ทุกประเภท ถือเป็นสินค้าต้องห้าม สำหรับประเทศไทย

ตุ๊กตายาง

ความผิดเกี่ยวกับ เซ็กส์ทอย (Sex Toy)

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ถือว่า เซ็กส์ทอย (Sex Toy) เป็นสินค้าผิดกฎหมาย เข้าข่ายลามก อนาจาร เป็นอันตรายต่อสังคมและศีลธรรม และยังเป็นเป็นวัตถุลามกที่เป็นของต้องห้าม ตามความหมายในพระราชบัญญัติศุลกากร ระบุ“ของต้องห้าม" หมายถึง ของที่มีกฎหมายกำหนดห้ามนำเข้ามา หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด และในบางกรณีห้ามการส่งผ่านด้วย 

มีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 287 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดนำสินค้าต้องห้ามเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะมีความผิดต้องรับโทษตาม
กฎหมายที่เกี่ยวข้องและเป็นความผิดตามมาตรา 244 และ มาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ด้วย

เช็คนโยบายหาเสียง เกี่ยวกับ เซ็กส์ทอย (Sex Toy)

พรรคประชาธิปัตย์ 

ส่งเสริม เซ็กส์ทอย (Sex Toy) ถูกกฎหมายโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือกลุ่มที่ใช้เพื่อความบันเทิง ,กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มเพื่อการแพทย์ ,กลุ่มที่ 3 อุปกรณ์ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้ข้ามเพศ โดยต้องแยกสินค้าเซ็กซ์ทอยออกจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 แล้วกำหนดเป็นสินค้าควบคุมพิเศษภายใต้การกำกับของหน่วยงานของรัฐ และต้องกำหนดหลักเกณฑ์ผู้ซื้อเซ็กซ์ทอยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี 

เพื่อแก้ปัญหาจากการลักลอบขาย"sex toy" ที่ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสินค้า และยังเป็นช่องว่างนำไปสู่ปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ฉวยโอกาสเรียกรับสินบน อีกทั้งทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า อาจเกิดปัญหาเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร หรือผู้ใช้เกิดการติดเชื้อ

นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทย สู่ตลาด เซ็กส์ทอย (Sex Toy) เพื่อส่งออก เพิ่มมูลค่ายางพาราไทย แปรรูปยางเข้าสู่ตลาด Sex Toy เพื่อทำกำไรเข้าประเทศ

พรรคก้าวไกล

เสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 เพื่อปลดล็อกเซ็กซ์ทอย (Sex Toy) และหนังผู้ใหญ่ออกจากสิ่งอื่นใดอันลามก การนำธุรกิจที่แต่เดิมผิดกฎหมายและอยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดินโดยมีการกำกับควบคุมอย่างเข้มข้น จะเป็นทางออกเพื่อควบคุมการดำเนินธุรกิจ ปิดช่องการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ รวมไปถึงการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 

พรรคไทยสร้างไทย 

ชู Sex Toy/Creator ถูกกฎหมาย แก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.287 เพื่อให้สื่อทางเพศถูกกฎหมายและได้รับการควบคุมอย่างถูกต้องเหมาะสม มองประเทศไทยมีศักยภาพเป็นฐานผลิต ยางพารามีคุณภาพ ขอคุ้มครอง Sex Creator ให้ได้รับความเป็นธรรมจากการเป็นแรงงานบนแพลตฟอร์ม

พรรคเพื่อชาติ 

นโยบายสนับสนุนให้อุปกรณ์ให้ความสุขทางเพศถูกกฏหมาย ผลักดันและสนับสนุนการแก้กฎหมายสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ที่ต้องนำออกจากกลุ่มสินค้าลามกอนาจาร เช่น ของเล่นผู้ใหญ่ (sex toy) สำหรับทุกเพศ เพื่อให้รัฐบาลสามารถควบคุมความปลอดภัย และส่งเสริมสุขภาวะของคนไทยทุกคนได้

พรรคไทยศรีวิไลย์

นโยบายส่งเสริม“ตุ๊กตายาง” ส่งออก เพื่อเพิ่มมูลค่ายางพารา 
 

ทั้งนี้ รายงานของบริษัทวิจัย เทคนาวิโอ ของประเทศอังกฤษ ได้คาดการณ์การเติบโตของตลาด"sex toy" ช่วงปี 2562-2566 ว่าจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ สร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ประเทศอินเดีย และจีน