“จุรินทร์”ชี้จังหวัดชายแดนใต้สงบลงด้วยบารมีปกเกล้า ยันไม่แก้ ม.112

18 มี.ค. 2566 | 12:59 น.

“จุรินทร์”ชี้จังหวัดชายแดนใต้สงบลงด้วยบารมีปกเกล้า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการบริหารการเมืองที่ผิดพลาดในอดีต ยันไม่แก้ ม. 112

วันนี้ (18 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการปราศรัยในเวทีของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) วันนี้ โดยเฉพาะเมื่อเสียงเพลง "เช้าวันใหม่" ที่ขับร้องโดย "เมธี อรุณ" ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส. ส.ของประชาธิปัตย์เปิดขึ้นในช่วงก่อนที่นายจุรินทร์ จะขึ้นเวที ได้สร้างความคึกคัก สนุกสนาน ให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมากที่อยู่อย่างเต็มพื้นที่จัดงาน 

ทั้ง ยังมีบรรดาแฟนคลับของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ในทุกช่วงวัยได้เข้ามาห้อมล้อมเพื่อขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก และ นายจุรินทร์ ได้ถูกแฟนคลับจำนวนหนึ่งขอกอด พร้อมกับถูกโน้มคอหอมแก้มอีกด้วย ถือเป็นบรรยากาศที่เป็นกันเองและใกล้ชิดอย่างที่สุด 

โดย นายจุรินทร์ ยกทีมประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดนราธิวาส ชู “สร้างสันติภาพ สู่สันติสุข ชายแดนใต้” ที่บริเวณสนามฟุตบอล L Soccer Park ต.สุไหง โก-ลก และได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส จังหวัดนราธิวาส ซึ่งประกอบด้วย เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเระ เขต 2 นายเมธี อรุณ เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ เขต 4 นายไซดี เจ๊ะหามะ เขต 5 นายเจะอามิง โตะตาหยง 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งเพื่อขอบคุณพี่น้องชาวโก-ลก และพี่น้องจากทุกอำเภอในจังหวัดนราธิวาสที่ให้เกียรติกับประชาธิปัตย์ด้วยการมาร่วมฟังการปราศรัยวันนี้อย่างล้นหลาม พร้อมกับได้ประกาศจุดยืนของพรรคในทางการเมืองสำหรับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ไม่ว่าประชาธิปัตย์จะเป็นแกนตั้งรัฐบาลหรือจะไม่ แต่พรรคมีจุดยืนที่สำคัญก็คือ 

1. ประชาธิปัตย์ยืนหยัดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าในอนาคตจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับประชาธิปัตย์ก็ไม่ขัดข้องเพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น 

แต่ประชาธิปัตย์มีข้อแม้ 2 ประการ คือ ต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 และต้องไม่ยกเลิกมาตรา 112 เพราะในรัฐธรรมนูญ หมวด 1 เป็นหมวดที่ว่าด้วยความเป็นรัฐของประเทศไทย บัญญัติไว้ชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบ่งแยกไม่ได้ ใครจะมาแบ่งแยกประเทศไทยเป็น 2 ส่วน 3 ส่วนประชาธิปัตย์ไม่ยอม 

และหมวด 2 เป็นหมวดที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ทำให้ความผาสุกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราเกิดขึ้นนับเนื่องมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเพราะทิศทางการเมืองที่ผิดพลาด และเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายที่ต้องแก้ไข สำหรับมาตรา 112 มีไว้เพื่อคุ้มครองประมุขของประเทศ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่มีบทบัญญัติมาตราไว้ในกฎหมายเพื่อคุ้มครองประมุขประเทศ เพราะฉะนั้นใครก็ตามบอกว่าจะยกเลิก จะแก้มาตรา 112 ประชาธิปัตย์ไม่เอา 

2. ประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย ถ้าจะมีใครมาใช้ศาสนาแบ่งแยกเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราต้องเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือศาสนาใดๆ ก็ตาม 

3. ประชาธิปัตย์ต้องการเห็นการยุติการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเห็นการฆ่าตัดตอน ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์กรือเซะ ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์ตากใบ ทั้งหมดนี้ต้องไม่กลับมาเกิดที่จังหวัดชายแดนใต้ของเราอีก 

“ทั้งหมดนี้ประชาธิปัตย์ทำได้ แต่ประชาธิปัตย์จะได้ทำหรือไม่ อยู่ที่มือของพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ทุกคน รวมทั้งพี่น้องจังหวัดนราธิวาสของเราด้วย ผมมาวันนี้พร้อมกับทุกคนที่นี่เพื่อจะขอโอกาสให้ประชาธิปัตย์ได้นำสันติภาพและนำสันติสุขมาสู่จังหวัดชายแดนใต้ด้วยยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อจังหวัดชายแดนใต้ของเราหลังการเลือกตั้ง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว