ศิธา ชู สุราท้องถิ่น เป็นซอฟท์พาวเวอร์ไทย ซัด “บิ๊กตู่”เก่งแต่ใช้ hard power

14 มี.ค. 2566 | 12:51 น.

“ศิธา” ชู“สุราท้องถิ่น”เป็นซอฟท์พาวเวอร์ไทย ลดทุนผูกขาด ซัด “บิ๊กตู่”เก่งแต่ใช้ hard power ทำซอฟท์พาวเวอร์ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐ ชี้ต้องหาคนรู้จริงดูแล

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย  มาลุคใหม่สวมกางเกงช้าง ขึ้นเวที“อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?” ณ โรงแรมพูลแมน คิง พาวเวอร์ กรุงเทพ  โดยร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในช่วงเปิด”นโยบายพรรคการเมืองไทย  ผลักดัน Soft Power สู่ระดับโลก”

 

โดยน.ต.ศิธา ให้ทรรศนะ ว่า การผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ คือการนำความเป็นไทย รวมกับวัฒนธรรมแบบไทยแท้ ดังนั้นการสนับสนุนต้องรู้ เช่น ประเทศไทยมีวัฒนธรรม เครื่องดื่มสุรา ซึ่งสามารถสร้างมูลลค่าการตลดได้ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับประเทศญี่ปุ่น

แต่ประเทศไทยมีสุราไม่กี่ยี่ห้อ มีผู้ผลิตไม่กี่บริษัท แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีสุราหมื่นยี่ห้อ ดังนั้นต้องสนับสนุนท้องถิ่นให้สุราท้องถิ่นเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของไทย ไม่ใช่ให้กลุ่มทุนอย่างเดียว 

 

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย

น.ต.ศิธา  ยังให้ความเห็นว่า  Soft Power จะเป็นแหล่งรายได้ของประเทศอย่างมหาศาล  และไม่มีวันหมด  โดยหากตีความหมายที่แท้จริงแล้ว  Soft Power นั่นคือ thainess (ความเป็นไทย) บวกกับ Global Mindset (สำนึกโลก)

ที่ผ่านมา  Soft Powerไทย ยังไปได้ไม่ดี นั่นเป็นเพราะ ประเทศไทยอยู่ในยุคที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ ซึ่งไม่ได้ถนัด  Soft Power แต่เก่งแต่ใช้ hard power เช่น รถถัง แต่ตนไม่แน่ใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่า ซอฟท์พาวเวอร์ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ 

 ซอฟท์พาวเวอร์ไทย จำเป็นต้องผลักดันและผลักดันจากคนที่เข้าใจและจริงใจแก้ปัญหาให้วัฒนธรรมไทยโด่งดังไปทั่วโลกได้ ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนซอฟท์พาวเวอร์คือ คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์แห่งชาติ มี พล.อ.ประยุทธ์  เป็นประธาน แต่ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแล

 

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย

น.ต.ศิธา กล่าวตอบคำถามถึงการสนับสนุนวงการภาพยนตร์ไทยสู่เวทีโลก ว่า ตนมองว่าภาพยนตร์ไทยสามารถแข่งขันได้ ไม่ต้องใช้ต้นทุนราคาแพง แต่สิ่งสำคัญคือการประชาสัมพันธ์ที่ดี

แต่ปัจจุบันพบว่ามีการทำ ผิดฝาผิดตัว คือการเซ็นต์เซอร์บางส่วนของภาพยนตร์ รอบฉายไม่พอ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ต่างประเทศ เมื่อภาพยนตร์ไทยไม่ได้เงิน จะทำให้ผลิตภาพยนตร์ที่มีคุณภาพไม่ได้

ดังนั้นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยต้องเข้าใจด้วย และที่สำคัญรัฐบาลไทยต้องช่วยโปรโมทดึง พรีเซ็นเตอร์ชื่อดังร่วมโปรโมท