KEY
POINTS
Meta แถลงอย่างเป็นทางการว่า การดึง Manus เข้ามาเสริมทัพจะช่วยให้บริษัทสามารถส่งมอบ AI Agents ระดับแนวหน้าให้กับผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในเครือ Meta โดยบริษัทจะยังคงเปิดให้บริการและจำหน่ายเซอร์วิสของ Manus ต่อไป ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาบูรณาการเข้ากับผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่
สำหรับ Manus ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีนก่อนจะย้ายฐานการดำเนินงานไปยังสิงคโปร์ภายใต้ชื่อบริษัท Butterfly Effect ซึ่งหลังจากการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น Manus จะยังคงดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ โดยเป้าหมายหลักคือการรักษาความต่อเนื่องในการบริการลูกค้าเดิม และยังคงจำหน่ายแพ็กเกจสมาชิกผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์เช่นเดิม
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขมูลค่าที่ชัดเจน แต่รายงานจาก Latepost ระบุว่า ดีลนี้มีโอกาสสูงที่จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 ของการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Meta เป็นรองเพียงแค่การเข้าซื้อ WhatsApp และ Scale AI เท่านั้น
Butterfly Effect ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2022 และเพิ่งเปิดตัว Manus ซึ่งเป็น AI Agents เอนกประสงค์ตัวเรือธงไปเมื่อเดือนมีนาคม 2024 โดยบริษัทรายงานว่ามีรายได้ประจำปี (ARR) แตะระดับ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.25 พันล้านบาท) เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า นับตั้งแต่เปิดตัว Manus มุ่งเน้นไปที่การสร้าง AI Agents เพื่อช่วยผู้ใช้งานในการทำวิจัย ระบบอัตโนมัติ และจัดการงานที่มีความซับซ้อน โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตัวแทนอัจฉริยะนี้ได้ประมวลผลโทเคนไปแล้วกว่า 147 ล้านล้านโทเคน และสนับสนุนการสร้างคอมพิวเตอร์เสมือนมากกว่า 80 ล้านเครื่อง
เซียว หง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Manus และผู้ก่อตั้ง Butterfly Effect ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งรองประธานของ Meta ด้วย กล่าวว่า การเข้าร่วมกับ Meta จะช่วยให้บริษัทสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงรูปแบบการทำงานและการตัดสินใจที่เป็นอิสระเหมือนเดิม และพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ Meta เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วโลก
ทีมงานของ Manus จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI Agents เอนกประสงค์สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Meta ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ รวมถึง Meta AI โดยมีแผนที่จะขยายบริการนี้ไปสู่ธุรกิจทั่วโลกในวงกว้าง
รายงานจาก Latepost เสริมว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจาควบรวมกิจการ Manus อยู่ระหว่างการเจรจาระดมทุนรอบใหม่ด้วยมูลค่าบริษัทที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.5 หมื่นล้านบาท) โดยก่อนหน้านี้บริษัทผ่านการระดมทุนมาแล้ว 4 รอบ จากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Sequoia China, Tencent Holdings รวมถึงบริษัทร่วมทุนและนักลงทุนเทคโนโลยีทั้งจากจีนและสหรัฐฯ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ว่า ปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง (Superintelligence) มีศักยภาพที่จะเริ่มต้นยุคใหม่ในการสร้างอำนาจให้กับบุคคล ซึ่งผู้คนจะมีขีดความสามารถมากขึ้นในการปรับปรุงโลกตามทิศทางที่พวกเขาต้องการ
ที่มา Yicaiglobal