KEY
POINTS
ดร. ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ความท้าทายของระบบสาธารณสุขไทยคือ ข้อมูลสุขภาพที่มีมหาศาลและกระจัดกระจาย ทั้งจากเวชระเบียน ผลตรวจแล็บ ร้านขายยา ไปจนถึงข้อมูลจากสมาร์ทโฟน แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่พยากรณ์สิ่งต่าง ๆ ได้ล่วงหน้า แต่แพทย์กลับเข้าถึงข้อมูลได้บางส่วนเท่านั้น ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า เกิดข้อจำกัดในการรักษา และต้นทุนค่ารักษาสูง
นอกจากนี้ ระบบสุขภาพส่วนใหญ่ยังเป็นแบบ Reactive Care คือรักษาเมื่อผู้ป่วยมีอาการเกิดขึ้นแล้ว เอ้ก ดิจิทัล จึงนำความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาต่อยอดผ่านแนวคิด Patient Singularity ที่ใช้ AI และ Robotics รวมข้อมูลสุขภาพทุกมิติ
การเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 5C ได้แก่ Connect - การเชื่อมต่อข้อมูล 720 องศาจากหลายแหล่ง เพื่อให้เห็นพฤติกรรมทั้งในและนอกโรงพยาบาลแบบมุมมองเดียว (One Patient View) ด้วย Singularity Insight, Create - นำเทคโนโลยีมาหาอินไซด์ที่แม่นยำและตอบความต้องการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ, Communicate - การสื่อสารข้อความที่ใช่สำหรับผู้ป่วยแต่ละบุคคลผ่านช่องทางเหมาะสม, Convert - การเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม และ Curate - การบูรณาการข้อมูล ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่มีคุณค่าที่ยั่งยืน เมื่อ 5C ทำงานร่วมกันจะเกิดเป็น Infinity Loop of Growth ที่เชื่อมโยงข้อมูล, อินไซด์, การสื่อสาร, การมีส่วนร่วม และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้บุคคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และอุตสาหกรรมอย่างไร้ขีดจำกัด
เอ้ก ดิจิทัล เชื่อว่าแนวคิด Patient Singularity จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยได้มากมาย ทั้งลดภาระงานของแพทย์และพนักงาน ช่วยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนินงาน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดเฮลท์แคร์ และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยข้อมูลสุขภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ และสร้างแผนการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพให้กับผู้ป่วย และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน
“หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การนำข้อมูล, AI หรือ Robotics มาใช้เท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย โปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมาย PDPA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแพทย์และผู้ป่วยไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม หากโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องการยกระดับการดูแลผู้ป่วยสู่มาตรฐานใหม่ สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน การผนึกร่วมมือพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาต้า AI และเข้าใจธุรกิจเฮลท์แคร์อย่างลึกซึ้ง และการพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้เครื่องมือ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนยกระดับระบบเฮลท์แคร์ของไทยให้ก้าวสู่ยุค 'The Age of Me' ยุคแห่งการดูแลสุขภาพที่ผู้ป่วยทุกคนได้รับการดูแลด้วยความเข้าใจแบบเฉพาะบุคคลที่แม่นยำ ปลอดภัย และยั่งยืน” ดร. ธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย