ดึง AI พลิกโฉม “ศาลปกครองอัจฉริยะ”ยกระดับให้บริการกระบวนการยุติธรรม

20 มิ.ย. 2568 | 10:02 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2568 | 10:16 น.

สำนักงานศาลปกครอง จับมือเนคเทค สวทช. พลิกโฉม “ศาลอัจฉริยะ” ดันใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับให้บริการกระบวนการยุติธรรมแก่ประชาชน

สำนักงานศาลปกครอง ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล   โดยหวังใช้พลังเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เสริมภารกิจ พลิกโฉมการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง ที่สะดวกรวดเร็ว เที่ยงตรง และเป็นธรรม

ดึง AI พลิกโฉม “ศาลปกครองอัจฉริยะ”ยกระดับให้บริการกระบวนการยุติธรรม

โดยมีนายจำนงค์ ถาวรวิสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง และดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. เป็นประธานในพิธีลงนาม

นายจำนงค์ ถาวรวิสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง กล่าวว่า สำนักงานศาลปกครอง โดยศูนย์วิทยาการสารสนเทศ และเนคเทค สวทช. มีความร่วมมือในการนำ AI คือ Speech to text มาประยุกต์ใช้ตั้งแต่ปี  2563 ซึ่งได้ร่วมกันพัฒนาและใช้งานถอดความเสียงจนประสบความสำเร็จมาเป็นลำดับ ต่อยอดมาสู่ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะ AI มาใช้เพื่อให้บริการแก่ประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมการปกครอง

ดึง AI พลิกโฉม “ศาลปกครองอัจฉริยะ”ยกระดับให้บริการกระบวนการยุติธรรม

โดยสำนักงานศาลปกครองมีภารกิจหน้าที่ในการสนับสนุนกระบวนงานพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการองค์กร การบริการให้แก่ประชาชนด้วยระบบดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนการเป็นศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์ ในปีพ.ศ. 2570 และเป็นศาลปกครองอัจฉริยะ (Smart Admin Court) ในปี พ.ศ. 2575 ที่จะอำนวยความยุติธรรม สร้างระบบในการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม รวดเร็ว ทันสมัย เสริมสร้างธรรมาภิบาลในสังคมด้วยมาตรฐานที่เป็นสากล เพื่อส่งมอบบริการที่ดี และสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง

.

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบัน AI นอกจากจะเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดีแล้ว กำลังจะกลายเป็นพลังที่ถูกนำมาใช้ในหน่วยงานอย่างเป็นระบบเพื่อยกระดับบริการภาครัฐ สำนักงานศาลปกครอง ถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่สามารถเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนผ่านนี้ พร้อมย้ำถึงบทบาทของ สวทช. ในการผลักดันแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ (พ.ศ. 2565 – 2570) ที่มี 5 ยุทธศาสต์หลักทั้งการใช้งาน AI อย่างถูกต้อง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนากำลังคน พัฒนานวัตกรรม และการประยุกต์ใช้งานจริงในภาคส่วนต่าง ๆ

ดึง AI พลิกโฉม “ศาลปกครองอัจฉริยะ”ยกระดับให้บริการกระบวนการยุติธรรม โดยเนคเทค สวทช. เปรียบเสมือนเป็น “เครื่องจักรสำคัญในการสร้างฐานรากทางเทคโนโลยีให้ประเทศ” พร้อมนำความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญของทีมนักวิจัยด้าน AI ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ร่วมมือสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ หรือ Generative AI และ LLM โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เป็นหัวใจอยู่เบื้องหลัง ที่เนคเทค สวทช. ได้พัฒนา “Pathumma LLM” ที่สามารถเข้าใจภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และเป็น Opensource ให้กับประเทศไทย ซึ่งจะนำมาใช้พัฒนาให้ตอบโจทย์ในบริบทของสำนักงานศาลปกครองที่มีเนื้อหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงทางด้านข้อกฎหมาย และการพิจารณาคดี ยังรวมถึง AI อื่น ๆ เพื่อพัฒนากระบวนพิจารณาพิพากษาคดี ตลอดจนการให้บริการต่างๆ ตามภารกิจของสำนักงานศาลปกครอง

5 มิติสำคัญของความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงฯ ฉบับนี้ ได้แก่

-  การพัฒนาและประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) ที่เข้าใจภาษากฎหมายไทย ผนวกกับชุดข้อมูลศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง เพื่อช่วยตรวจวิเคราะห์ข้อมูลคดี ในรูปแบบที่แม่นยำ และรวดเร็ว

- การนำเทคโนโลยี OCR ที่เหมาะสมกับเอกสารคดีปกครอง เสริมการแปลงข้อมูลจากเอกสารกระดาษเป็นดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชนและการพิจารณาพิพากษาคดี ช่วยลด-

- การพัฒนาแพลตฟอร์มด้าน NLP และ Speech & Text Understanding ที่เกี่ยวข้องกับภาษาพูดและภาษาเขียน รองรับในบริบทข้อมูลของศาลปกครอง เพื่อช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลและความรู้ทางกฎหมายสำหรับประชาชนง่ายและเข้าใจได้มากขึ้น

- การทดสอบและใช้งานเทคโนโลยีต้นแบบจากเนคเทค สวทช. สำหรับการประยุกต์ใช้กับข้อมูลของศาลปกครองในการให้บริการประชาชน หน่วยงานของรัฐ และสนับสนุนการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการศาลปกครอง

- การพัฒนาทักษะ ศักยภาพบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยี AI อย่างมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวแรกของการสร้าง “ศาลปกครองอัจฉริยะ” ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลอย่างแท้จริง พร้อมสร้างให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีเหล่านั้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมการปกครอง ยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชน และยังถือเป็นก้าวสำคัญของการสร้างต้นแบบที่สามารถขยายผลไปสู่การพัฒนากระบวนการยุติธรรม หรือกระบวนการทำงานในหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ให้ก้าวทันยุคดิจิทัลได้ในอนาคต

.