Apple ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชุด “Apple Intelligence” ซึ่งจะเข้ามายกระดับประสบการณ์ใช้งานอุปกรณ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch ไปจนถึง Apple Vision Pro โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวมาพร้อมฟีเจอร์สื่อสารแบบเรียลไทม์ (Live Translation), ระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะ (Visual Intelligence), การสร้างภาพและอีโมจิแบบใหม่ รวมถึงการประมวลผลข้อความและการดำเนินงานอัตโนมัติที่ฉลาดขึ้น
นายเครก เฟเดอริกี (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าวว่า “ปีที่แล้วเราเริ่มต้นนำเสนอ AI ที่มีประโยชน์ เข้าใจผู้ใช้ ใช้งานง่าย และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ปีนี้ โมเดลที่ขับเคลื่อน Apple Intelligence ได้พัฒนาจนฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งขยายการทำงานในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ของเรา เรากำลังก้าวสำคัญด้วยการเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงโมเดลนี้โดยตรง ซึ่งจะช่วยจุดประกายประสบการณ์ใหม่ ๆ ในแอปของผู้ใช้”
Apple ยังเตรียมขยายการรองรับ Apple Intelligence สู่ 8 ภาษาเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้ ได้แก่ เดนมาร์ก ดัตช์ นอร์เวย์ โปรตุเกส (แบบยุโรป) สวีเดน ตุรกี จีนตัวเต็ม และเวียดนาม
Live Translation
ช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ระหว่างการส่งข้อความหรือสนทนา โดยระบบแปลจะทำงานภายในเครื่องทั้งหมด (on-device) เพื่อคงความเป็นส่วนตัวของบทสนทนา ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความระหว่างแชตที่จะแปลเป็นภาษาของผู้รับทันที และอ่านข้อความตอบกลับที่แปลแล้วได้อย่างต่อเนื่อง ใน FaceTime ระบบจะแสดงคำบรรยายพร้อมแปลสดระหว่างที่ได้ยินเสียงคู่สนทนา ส่วนการโทรด้วยเสียงจะมีการอ่านคำแปลให้ฟังขณะสนทนา
Genmoji และ Image Playground
เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างอีโมจิจากคำอธิบาย หรือผสมหลายอีโมจิเข้าด้วยกัน และยังสามารถปรับแต่งลักษณะ เช่น สีหน้า ทรงผม เพื่อให้เหมือนเพื่อนหรือครอบครัว โดยใน Image Playground ผู้ใช้สามารถสร้างภาพด้วยรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ภาพวาดสีน้ำมัน หรือ vector และสามารถขอให้ระบบสร้างภาพจากคำอธิบายหรือภาพที่มี โดยใช้ ChatGPT ซึ่งจะไม่แชร์ข้อมูลใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน
Visual Intelligence\
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวัตถุหรือสถานที่ผ่านกล้อง iPhone และสามารถใช้งานกับสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอได้โดยตรง เช่น ถ้าเห็นโคมไฟในหน้าจอ ก็สามารถค้นหาสินค้าคล้ายกันได้ทันที หรือหากเจอข้อความเกี่ยวกับกิจกรรม ระบบจะเสนอให้เพิ่มเป็นนัดหมายในปฏิทินโดยอัตโนมัติ พร้อมเติมวัน เวลา และสถานที่ให้อัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ผ่านปุ่มจับภาพหน้าจอที่ใช้งานอยู่แล้ว
Workout Buddy บน Apple Watch
ประสบการณ์ออกกำลังกายใหม่ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายและประวัติด้านสุขภาพ เช่น อัตราการเต้นหัวใจ ความเร็ว ระยะทาง และกิจกรรม เพื่อสร้างคำแนะนำและกำลังใจแบบเรียลไทม์ ด้วยเสียงที่สร้างจากเทรนเนอร์ของ Fitness+ ผ่านโมเดล text-to-speech ซึ่งออกแบบมาให้มีพลังและน้ำเสียงเหมาะกับการออกกำลังกาย โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลบนอุปกรณ์และไม่ถูกแชร์ออกไปภายนอก
นักพัฒนาสามารถเข้าถึงโมเดล Apple Intelligence ได้แล้ว
Apple เปิดให้แอปใด ๆ ก็ตามสามารถเชื่อมต่อกับโมเดล AI บนอุปกรณ์ผ่าน Foundation Models framework ซึ่งรองรับภาษา Swift และสามารถเรียกใช้งานด้วยโค้ดเพียงไม่กี่บรรทัด ตัวอย่างเช่น แอปด้านการศึกษาสามารถใช้สร้างแบบทดสอบจากโน้ตของผู้ใช้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ API บนคลาวด์ หรือแอปแนว outdoor สามารถเพิ่มการค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติได้แบบออฟไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Shortcuts ที่ฉลาดยิ่งขึ้น
ระบบคำสั่งลัด (Shortcuts) สามารถใช้โมเดล Apple Intelligence ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการสรุปข้อความ สร้างภาพ หรือวิเคราะห์ข้อมูล โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ ChatGPT ร่วมกับ Shortcuts ได้ตามต้องการ
- Reminders สามารถจัดหมวดหมู่การกระทำที่เกี่ยวข้องจากอีเมล เว็บไซต์ หรือโน้ตได้โดยอัตโนมัติ
- Apple Wallet สรุปข้อมูลการติดตามคำสั่งซื้อจากอีเมลของร้านค้าและผู้ให้บริการจัดส่ง แสดงข้อมูลรวมไว้ในที่เดียว
- Messages แนะนำให้สร้างโพลล์เมื่อระบบตรวจจับว่าการสนทนาอาจต้องใช้การลงคะแนน พร้อมสร้างฉากหลัง (Backgrounds) สำหรับแชตที่สร้างจาก Image Playground
ฟีเจอร์เด่นอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว
- Writing Tools สำหรับสรุป แก้ไข หรือเขียนใหม่
- Smart Reply สำหรับตอบกลับอัตโนมัติใน Mail และ Messages
- Describe Your Change สั่งให้ AI ปรับสำนวนตามรูปแบบที่ต้องการ เช่น ให้เขียนเหมือนกลอน
- Clean Up ใน Photos สำหรับลบสิ่งรบกวน
- Image Wand สร้างภาพจากร่างภาพคร่าว ๆ
- Siri เข้าใจคำพูดที่ไม่ชัดเจน และเก็บบริบทของคำสั่งต่อเนื่อง
- การค้นหาภาพด้วยภาษาธรรมชาติใน Photos
- การสรุปบันทึกเสียงใน Notes และสรุปการโทร
- Priority Messages และ Notification Summaries แสดงสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ
ความก้าวหน้าด้านความเป็นส่วนตัวของ AI
Apple Intelligence ถูกออกแบบให้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างแท้จริง โดยประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์ และหากต้องใช้โมเดลขนาดใหญ่ จะใช้เทคโนโลยี Private Cloud Compute ซึ่งโค้ดที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple สามารถตรวจสอบได้โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ เพื่อยืนยันว่าข้อมูลผู้ใช้จะไม่ถูกจัดเก็บหรือแชร์