KEY
POINTS
วันนี้ 4 พฤศจิกายน 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ยังไม่มีวาระการโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนด้านบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (เน็ตคนละครึ่ง) สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14 ล้านราย ตามเดิมที่มีกำหนดเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันที่ 28 ต.ค.68 จากนั้น เลื่อนมาเป็นวันที่ 4 พ.ย.นี้ เนื่องจาก กระทรวงดีอียังไม่พอใจอัตราค่าบริการรายเดือน 160 บาท และจำนวนอินเทอร์เน็ต (ดาต้า) 40 GB เพราะมองว่าควรจะต่ำกว่านี้และดาต้าต้องได้มากกว่านี้
“ผมยังไม่เคยสรุปอัตราดังกล่าวกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่รู้ว่าราคาต่อเดือนกับจำนวนดาต้าเป็นตัวเลขออกมาจำนวนดังกล่าวได้อย่างไร”
สำหรับโครงการเน็ตคนละครึ่ง คาดว่าจะงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) เพื่อยกระดับโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้สามารถใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
โดยที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. ได้มีการหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) มีการต่อรองโดยเอกชนระบุว่า การให้บริการอยู่ที่ 199 บาทต่อเดือนไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ทางนายไตรรัตน์ระบุว่าต้องต่ำกว่านั้น
จึงสรุปที่อัตราค่าบริการในโครงการ'เน็ตคนละครึ่ง' ที่ 160 บาทรวมภาษีมูลค่าเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต (ดาต้า) อยู่ที่ 40 GB ต่อเดือนนาน 3 รอบบิล โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะเสนอมาตรการดังกล่าวแก้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อเสนอครม.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้โครงการจะช่วยลดค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตให้กับประชาชนโดยตรง แต่ปัญหาใหญ่ที่เป็นอุปสรรค คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนมากยังใช้โทรศัพท์มือถือระบบ 2G ซึ่งไม่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้งในด้านความเร็วและความสามารถด้านฟังก์ชันพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงอยู่ระหว่างการเตรียมหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) เพื่อพิจารณามาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนหรืออัปเกรดอุปกรณ์ให้รองรับระบบ 4G หรือ 5G
ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ และ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีส่งเรื่องกลับมายังสำนักงาน กสทช. โดยหลังจากนั้น จึงจะหารือ กับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่าทำได้หรือไม่ จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
โดยทันทีที่ได้รับหนังสือตอบกลับแล้ว สำนักงาน กสทช. จึงจะหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ว่าแนวทางที่เสนอสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อัตราค่าบริการดังกล่าวเป็นแนวทางเดิมที่เคยใช้ช่วงโควิด-19.