กางโรดแมปธุรกิจ “Robinhood” ลดต้นทุน 50% ปีแรก พลิกทำกำไรปีหน้า

21 ต.ค. 2568 | 10:57 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2568 | 11:09 น.

‘มรกต ยิบอินซอย’ เผย 1 ปี Robinhood มุ่งเน้นการเรียนรู้ ปรับโครงสร้าง-ลดต้นทุนลงมากกว่า 50% พร้อมเดินเกมสร้างคอมมิวตี้ แฟนพันธุ์แท้ พลิกทำกำไรปีหน้า

KEY

POINTS

  • Robinhood ปรับโครงสร้างองค์กรและระบบหลังบ้านครั้งใหญ่ ทำให้สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้มากกว่า 50% ในปีแรก
  • บริษัทตั้งเป้าหมายพลิกฟื้นธุรกิจให้สามารถทำกำไรได้ภายในปีหน้า หลังจากปรับลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • กลยุทธ์ปีที่ 2 มุ่งเน้นสร้างคอมมูนิตี้ลูกค้าประจำผ่านระบบสะสมแต้ม โดยไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา และตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่ม 20-30%

นางมรกต ยิบอินซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม “Robinhood” เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามารับช่วงบริหารธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี ต่อจาก SCBX ครบ 1 ปี บริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งระบบเทคโนโลยีและการบริหารภายใน เพื่อให้สามารถยืนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

โดยเฉพาะการปรับระบบหลังบ้านที่เดิมออกแบบไว้รองรับผู้ใช้งานหลายสิบล้านราย ทำให้มีต้นทุนดำเนินการสูงเกินจริง การปรับให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจช่วยให้ลดต้นทุนลงได้มากกว่า 50% และทำให้ระบบมีความคล่องตัวพร้อมต่อยอดสู่การขยายในปีถัดไป

กางโรดแมปธุรกิจ “Robinhood” ลดต้นทุน 50% ปีแรก พลิกทำกำไรปีหน้า “ปีแรกเราเรียนรู้เยอะมาก ทั้งเรื่องเทคโนโลยี การบริหารทีม และระบบภายใน ตอนนี้หลังบ้านเรียบร้อย ต้นทุนลดลงมหาศาล พร้อมเดินหน้าแผนปีที่ 2 อย่างมั่นใจ”

สำหรับทิศทางในปีที่ 2 บริษัทมุ่งเน้นการสร้าง“คอมมูนิตี้ลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ ” ผ่านระบบสะสมแต้ม Purple Point และ Robinhood Coin ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ใช้บริการซ้ำมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางของแบรนด์ โดยไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา แต่สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภค

กางโรดแมปธุรกิจ “Robinhood” ลดต้นทุน 50% ปีแรก พลิกทำกำไรปีหน้า

ปัจจุบัน Robinhood มีลูกค้าลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านราย และมีผู้ใช้งานประจำราว 400,000 รายในรอบ 3 เดือนล่าสุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานอายุ 25–50 ปี ที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง มียอดสั่งต่อออเดอร์ต่อครั้งอยู่ที่ขั้นต่ำ 250-300 บาท  และมีจำนวนไรเดอร์ลงทะเบียน 30,000  ราย   และมีไรเดอร์รับงานประจำ 3,500 คน  ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยบริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มอีก 20–30% ในปีที่ 2 และขยายกลุ่ม “Gen Z” ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของแบรนด์มากกว่าการแข่งขันราคา

แม้ปัจจุบัน Robinhood จะยังคงอยู่ในช่วงของการลงทุนและยังไม่ทำกำไร แต่แนวโน้มการขาดทุนได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และตั้งเป้าที่จะสามารถทำกำไรได้ภายในปีหน้า การเปิดตัว Robinhood Coin และการสร้าง Community ที่แข็งแกร่งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่

ในอนาคต Robinhood มีแผนที่จะต่อยอดสู่การเป็น "Super App" แต่จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและฟังเสียงจาก Community เป็นหลัก โดยอาจขยายความร่วมมือไปยังพาร์ทเนอร์ในกลุ่มธุรกิจอื่น เช่น การท่องเที่ยว หรือไลฟ์สไตล์ รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ร้านค้าและไรเดอร์ที่มีประวัติดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกขับเคลื่อนโดยเสียงของ Community เป็นสำคัญ

นางมรกต กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมตลาดมการแข่งขันในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีกำลังเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่ผู้เล่นรายใหญ่ใช้กลยุทธ์ “เบิร์นเงิน” ด้วยโปรโมชั่นและแคมเปญส่งฟรี มาสู่การบริหารธุรกิจที่เน้นสร้างกำไร อย่างไรก็ตามผู้เล่นรายใหญ่เริ่มหยุดเบิร์นเงิน เพราะต่างฝ่ายต่างต้องมีกำไร แคมเปญส่งฟรีในปัจจุบันไม่ได้ครอบคลุมทุกร้าน ทุกเวลา ผู้บริโภคเองก็เข้าใจแล้วว่าความคุ้มค่าไม่ได้อยู่ที่ส่วนลด แต่คือคุณค่าที่ได้รับจริง”

“การแข่งขันเชิงราคาลดลง ตลาดจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของแบรนด์และการดูแลผู้มีส่วนร่วมในระบบเติบโตได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ Robinhood ที่มุ่งเน้นการดูแลทั้งลูกค้า ร้านค้า และไรเดอร์ใน Ecosystem เดียวกัน”

บริษัทคงนโยบายไม่ลดค่ารอบของไรเดอร์ตั้งแต่เข้ามาบริหาร เพื่อรักษาระดับรายได้ให้มั่นคง ขณะเดียวกันได้จัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการร้านอาหาร” เพื่อพัฒนาศักยภาพร้านค้าและยกระดับการบริหารจัดการให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

“เรามองเห็นช่องว่างในตลาดร้านอาหารขนาดกลางและเล็กที่ไม่ได้รับการดูแลจากแพลตฟอร์มรายใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเข้าไปสร้างรายได้อย่างยั่งยืนได้”

นางมรกต กล่าวต่อไปว่าบริษัทไม่ตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด แต่ต้องการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าและคู่ค้ารู้สึกไว้วางใจ   โดย Robinhood  เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีของไทย ที่ส่งอาหารรวดเร็ว  ทั้งนี้ เป้าหมายในปีที่ 3 บริษัทคาดว่าจะเริ่มสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานได้จริง หลังวางรากฐานต้นทุนและระบบภายในให้มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ

“ปีแรกคือปีแห่งการเรียนรู้ ปีที่สองคือปีแห่งการเติบโต และปีที่สามคือปีแห่งความยั่งยืน เราเชื่อว่าการดูแลคนใน Ecosystem อย่างแท้จริง คือเส้นทางสู่กำไรที่มั่นคงของ Robinhood” มรกตกล่าวทิ้งท้าย