KEY
POINTS
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE เปิดเผยว่า TRUE เปิดตัว “Green Financing Program” ครั้งแรกในเอเชีย ได้ร่วมกับ พันธวณิช และ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ TTB ด้วยการออกสินเชื่อภายใต้แคมเปญชื่อว่า ‘Green Financing Program’ ที่ช่วยให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น หรือ การยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ดังนั้น ทรู จึงตั้งเป้าหมาย ‘Zero Fatalities’ หรือ การไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการทำงานแม้แต่รายเดียว พร้อมยกระดับมาตรฐานสุขภาพและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยในทุกวัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ทรูตั้งใจเดินไปพร้อมกับพันธมิตรทุกคน
คู่ค้าพันธมิตรของทรู สามารถเข้าถึง 4 ทางเลือกหลักที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการในทุกมิติ ดังนี้
ด้าน ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานด้านความยั่งยืนองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 บริษัทฯ มีคู่ค้ากว่า 100 ราย ซึ่งทุกบริษัทผ่านการประเมินด้าน ESG ครบ 100% และ จากผลสำรวจกลุ่มพันธมิตรหลัก (High Spending) พบว่า กว่า 50% ของคู่ค้าให้ความสนใจในเรื่อง Green Financing Program ผนวกกับความพร้อมของทรูที่มีแพลตฟอร์ม “GHG (Greenhouse Gas) Emissions Data Platform and Consulting Service” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนพันธมิตร พิชิตเป้าหมาย Net Zero ทรู จึงได้ร่วมมือกับพันธวณิชและทีเอ็มบีธนชาต เปิดตัว “Green Financing Program” เป็นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อสร้างโอกาสให้พันธมิตรเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น สนับสนุนให้คู่ค้าทรูได้ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานทางเลือก รวมถึงเข้าถึงสินเชื่อพิเศษที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนที่ตั้งไว้ร่วมกัน ทั้งนี้ มั่นใจว่าโมเดลนี้จะไม่เพียงเสริมศักยภาพให้คู่ค้าพร้อมรับกับแนวโน้มธุรกิจสีเขียว และความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์นักลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนด้าน Decarbonization นำพาห่วงโซ่อุปทานของทรูเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนไปด้วยกัน
ดร.เนตรชนก ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทรู ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ว่า Zero Fatalities – ไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการทำงานแม้แต่รายเดียว และยึดแนวทาง “Stay TRUE to Safety” เป็นหลักการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนในห่วงโซ่อุปทานเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ ทรูยังได้ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและเป็นระบบในทุกขั้นตอนของการทำงาน ได้แก่
• ปรับปรุงและเข้มงวดสัญญากับซัพพลายเออร์ในพื้นที่เสี่ยงสูง: เพิ่มข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน กำหนดให้ต้องมีการอบรมกระบวนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) อย่างเข้มงวด จัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) และกำหนดกรอบบทลงโทษและการชดเชยอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความรับผิดชอบและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
• ยกระดับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับซัพพลายเออร์: ผ่านการทดสอบหลังการอบรมและการรับรอง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานภาคสนามมีความรู้ ความสามารถ และตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
• ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล: ในการติดตามความพร้อมของสัญญาและเฝ้าระวังประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง