J&T ฮึดสู้สงครามส่งด่วน ขยายพันธมิตร สร้างเครือข่าย Drop Point

06 ก.ย. 2568 | 01:54 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2568 | 08:01 น.

เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส เร่งเครื่องขยาย J&T Home ครอบคลุมชุมชนเพิ่มขึ้น 60% ภายในปีนี้ พร้อมร่วมพันธมิตรค้าปลีกและปั๊มน้ำมัน เปิดจุดบริการ Drop Point ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทุกกลุ่ม เสริมบริการด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติและโซลูชันใหม่

KEY

POINTS

  • J&T Express เดินหน้าขยายเครือข่ายจุดรับ-ส่งพัสดุ (Drop Point) โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่างร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมันบางจาก และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
  • ตั้งเป้าขยายบริการ J&T Home เพิ่มขึ้น 60% ภายในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่และชุมชนต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง
  • ลงทุนด้านเทคโนโลยีในศูนย์คัดแยกพัสดุอัตโนมัติ พร้อมพัฒนาระบบขนส่ง และขยายบริการเฉพาะกลุ่ม เช่น การส่งผลไม้และสินค้าระดับพรีเมียม

นางสาวคริสติน ฟรานซิสกา (Christine Fransisca) หัวหน้าฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดจัดส่งพัสดุด่วนของไทยในปัจจุบัน ผู้ให้บริการจำเป็นต้องพัฒนาความเร็ว ความสะดวก และความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส จึงมุ่งสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ครบวงจร ขยายจุดให้บริการ และนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ เพื่อมอบบริการที่เชื่อถือได้ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับความพึงพอใจในระยะยาว

สำหรับแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนในปี 2568 เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส มีกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย การขยายบริการ J&T Home เพิ่มขึ้น 60% ภายในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่และชุมชนมากขึ้น ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและการเข้าถึงบริการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

การขยายเครือข่าย Drop Point ใกล้บ้านและในพื้นที่สำคัญยังเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์หลัก โดยเจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส เดินหน้าขยายจุดบริการรับ-ส่งพัสดุด่วน อย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สถานีบริการน้ำมันบางจาก รวม 4 สาขา โดยเปิดแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ บางขุนเทียนและทวีวัฒนา และเตรียมเปิดอีก 2 แห่ง คือ บึงกุ่มและคันนายาว ภายในปีนี้

J&T ฮึดสู้สงครามส่งด่วน ขยายพันธมิตร สร้างเครือข่าย Drop Point นอกจากนี้ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ยังขยายไปยังศูนย์การค้าชั้นนำ อาทิ Central Ayutthaya, Central Pinklao และ Central Park  การขยายเครือข่ายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่ายสำหรับผู้ใช้บริการ ควบคู่กับการสนับสนุน SME ธุรกิจท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว

ด้านการพัฒนาการดำเนินงานและการลงทุนด้านเทคโนโลยี เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ยังคงพัฒนากระบวนการสำคัญในศูนย์กระจายสินค้าอัตโนมัติ พร้อมลงทุนอัปเกรดอุปกรณ์อัตโนมัติและระบบเทคโนโลยีสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเสริมกำลังขนส่งปลายทางด้วยยานพาหนะที่ใช้พลังงานรูปแบบใหม่ เพื่อให้การส่งพัสดุมีประสิทธิภาพและตรงเวลา

J&T ฮึดสู้สงครามส่งด่วน ขยายพันธมิตร สร้างเครือข่าย Drop Point

บริษัทฯ ยังพัฒนาบริการเฉพาะกลุ่มและความร่วมมือเชิงธุรกิจ โดยเฉพาะสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการให้บริการส่งผลไม้ไทยโดยเฉพาะ พร้อมโปรโมชั่นเพื่อช่วยเกษตรกรในการกระจายสินค้าถึงมือผู้บริโภค และสินค้าผู้บริโภคระดับพรีเมียม รองรับการส่ง iPhone 15 และ 16 ด้วยบริการ J&T Super ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการส่งสินค้าระดับพรีเมียมอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เครือข่ายบริการขนส่งพัสดุด่วนและโลจิสติกส์ของ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ในปี 2568 ครอบคลุม 928 อำเภอ 77 จังหวัด ทั้ง J&T Home และพันธมิตร เช่น Shipsmile, SHIPPOP, SABUY SPEED, Yoyi Station และ QUICK SERVICE

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส มีศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center)  และศูนย์คัดแยกสินค้า (Sorting Center) ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยมีศูนย์คัดแยกสินค้าสมุทรปราการ (Southern Bangkok Sorting Center) เป็นศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่รวมกว่า 150,000 ตารางเมตร พร้อมระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยี DWS ที่ช่วยให้สามารถคัดแยกและจัดการพัสดุได้มากกว่า 7 ล้านชิ้นต่อวัน อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

J&T ฮึดสู้สงครามส่งด่วน ขยายพันธมิตร สร้างเครือข่าย Drop Point

การพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของเจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส  โดยนำเทคโนโลยีและโซลูชันที่ทันสมัยมาปรับใช้ในทุกกระบวนการของธุรกิจ ทั้งการใช้ AI และระบบคัดแยกอัตโนมัติในศูนย์คัดแยกสินค้าสมุทรปราการ ซึ่งช่วยจัดการพัสดุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมลดการใช้พลังงาน

ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์และบริการลูกค้า เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส พัฒนาระบบถาม-ตอบอัจฉริยะและฐานความรู้อัจฉริยะ ช่วยลดขั้นตอนและเวลา เพิ่มความแม่นยำ และยกระดับคุณภาพบริการ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีก เช่น Watsons เพื่อรองรับบริการจัดส่งหลายกล่องในคำสั่งซื้อเดียว

เรื่องการดำเนินงานด้านความยั่งยืนยังเป็นสิ่งที่เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ให้ความสำคัญ โดยมีการใช้กระสอบบรรจุพัสดุ (Eco Bag) ที่ใช้ซ้ำได้สูงสุดถึง 80 ครั้ง เพื่อลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ตอบโจทย์เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย การใช้รถโฟร์คลิฟท์ไฟฟ้า 100% ภายในศูนย์กระจายสินค้า เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และการลดขนาดใบปะหน้าพัสดุ (waybill) และจำกัดการใช้เทปกาวภายในปี 2568 เพื่อใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

สำหรับประเด็นการร้องเรียนต่อคณะกรรมการแข่งขันการค้านั้นเจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมและปฏิบัติตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความโปร่งใสและความรับผิดชอบในทุกขั้นตอนของการให้บริการ

ตลาดบริการจัดพัสดุด่วนในปัจจุบันมีการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ให้บริการต่างพัฒนาบริการ ปรับปรุงเทคโนโลยี และยกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง สำหรับ เจแอนด์ที เรามุ่งมั่นพัฒนาระบบโลจิสติกส์และขยายจุดให้บริการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้อย่างสม่ำเสมอ ภายใต้กรอบกฎหมายและแนวทางกำกับดูแลที่มีอยู่ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการตรวจสอบและข้อกำหนดต่างๆ อย่างเต็มที่

J&T ฮึดสู้สงครามส่งด่วน ขยายพันธมิตร สร้างเครือข่าย Drop Point "เราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความโปร่งใสและการแข่งขันที่เป็นธรรม จะช่วยยกระดับมาตรฐานของทั้งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว"

ทั้งนี้ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส (J&T Express) เติบโตขึ้นอย่างมาก  อย่างไรก็ตาม เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส สัญชาติอินโดนีเซีย ที่เข้ามาตีตลาดไทยอย่างหนักตั้งแต่ปี 2558 แต่ประสบปัญหาการขาดทุนมากสุด

โดย"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ตรวจสอบผลประกอบการที่แจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่าน Creden Data  พบว่ามีรายได้รวม 18,511 ล้านบาท ขาดทุน 7,093 ล้านบาท