AI เปลี่ยนโลก 5 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องจับตา
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้น ทั้งนี้ มี 5 นวัตกรรม AI ที่น่าสนใจ เปิดตัวในปี 65 แต่ต้องจับตาต่อไปในปี 66 มีอะไรบ้าง มาดูกัน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์และมีพัฒนาการขึ้นมาก เรามาดู 5 เทคโนโลยีด้าน AI ที่น่าสนใจ รวบรวมโดยสำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐ ดังนี้
เครื่องมือแปลภาษาเรียลไทม์
เมตา แพลตฟอร์มส บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ได้พัฒนาเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อแปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยี AI โดยตัวแรกเริ่มเป็นการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำกับเจ้าของภาษาอยู่ นอกจากนี้ เมตายังตั้งเป้าใช้เทคโนโลยีนี้ในการสร้างระบบแปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์กับภาษาอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย
ตรวจจับ ‘พาร์กินสัน’ ผ่านการนอนหลับ
ระบบตรวจจับโรคพาร์กินสันด้วย AI จะจับรูปแบบการหายใจระหว่างการนอนหลับของผู้ป่วย ซึ่งช่วยวัดระดับความรุนแรงของโรคและบันทึกข้อมูลว่าอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ นักวิจัยพบว่า สัญญาณเริ่มต้นของพาร์กินสัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นพบกันได้ หลายสัญญาณบ่งชี้หรืออาการ อาจเกิดขึ้นไม่กี่ปีก่อนที่โรคนี้จะคืบคลานเข้ามาอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยระบุว่า การทดลองใช้ AI เข้ามาช่วย เพียงการตรวจสอบการนอนหลับเพียง 1 คืน สามารถระบุภาวะพาร์กินสันได้แม่นยำราว 86% และความแม่นยำจะเพิ่มขึ้นเป็น 95% หากนำไปใช้ตรวจสอบอาการผ่านการนอนหลับ 12 คืน
เครื่องช่วยแปลอารมณ์หมู
ทำไมคนเราต้องเรียนรู้อารมณ์ของหมู นั่นน่ะสิ นี่เป็นคำถามที่อาจเกิดขึ้นกับคนทั่วไป แต่ถ้าเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูหรือ ‘สุกร’ พวกเขารู้ดีว่า เครื่องมือนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาผลิตผลด้านปศุสัตว์ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของสัตว์เศรษฐกิจ
นักวิจัยประกาศว่า ได้สร้างเทคโนโลยีที่แปลอารมณ์หมูผ่านเสียงของมัน โดยใช้ฐานข้อมูลเสียงหมูกว่า 7,000 เสียง ที่บันทึกได้ตลอดช่วงชีวิตของหมู 400 ตัว และใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการระบุอารมณ์ของสัตว์ในตอนนั้น ซึ่งให้ความแม่นยำถึง 92%
ทีมนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกษตรกรพัฒนาผลิตผลด้านปศุสัตว์และคุณภาพชีวิตของสัตว์ได้ในอนาคต
ระบบระบุ-ทำนายกลิ่น
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ระบบ AI เพื่อช่วยจำแนกและสร้างกลิ่นต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ โดยเครื่องมือนี้ได้รับการพัฒนาและทดสอบโดยนักวิจัยของกูเกิล (Google) รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และศูนย์ Monell Chemical Senses Center
ทีมนักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลจากการวิจัยในอดีตมาผลิตแบบจำลอง ‘โครงข่ายประสาทเทียม’ ที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้าง ‘แผนที่’ เพื่อจำแนกโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับกลิ่น โดยโครงข่ายประสาทเทียมเป็นระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่เสมือนสมองของมนุษย์นั่นเอง
นักวิจัยเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถปรับใช้ในด้านสาธารณสุข อาหาร น้ำหอม รวมทั้งการพัฒนายากันยุงที่มีราคาถูกขึ้น ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และปลอดภัยกว่ายากันยุงที่มีสาร DEET เป็นส่วนประกอบ และยากันยุงดังกล่าวยังอาจนำไปใช้ “เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคต่าง ๆ ในอนาคต
เครื่องช่วยเติมคำ (โบราณ) ในจารึก
ถ้ามนุษย์สามารถอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาของจารึกโบราณ บางทีโลกแห่งอดีตและโลกปัจจุบันจะสามารถเชื่อมโยงกัน และมนุษย์จะสามารถเรียนรู้บทเรียนจากอดีตได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในปีที่ผ่านมา (2565) คณะนักวิจัยได้ทำงานร่วมกับ DeepMind บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ในเครือ Alphabet ในการพัฒนาเครื่องมือที่มีชื่อว่า Ithaca ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่า นี่คือโครงข่ายประสาทเทียมระดับลึกเครือข่ายแรกที่สามารถกู้คืนข้อความที่หายไปของจารึกโบราณที่ได้รับความเสียหายได้
โครงการนี้ช่วยให้นักประวัติศาสตร์สามารถซ่อมแซมงานจารึก รวมทั้งสามารถระบุเวลาและสถานที่ที่ข้อความเหล่านั้นถูกจารึกไว้ด้วย
ในการทดลองกับจารึกโบราณที่ได้รับความเสียหายนั้น นักวิจัยรายงานว่า Ithaca สามารถทำนายองค์ประกอบของจารึกที่ขาดหายไปได้อย่างถูกต้องถึง 62% นอกจากนี้ ยังสามารถระบุที่มาของจารึกต่างๆ ได้ถูกต้องถึง 71% และยังสามารถระบุวันเวลาที่จารึกไว้ได้อย่างแม่นยำภายในกรอบระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย
ทั้งนี้ ปกติแล้วนักประวัติศาสตร์ทำงานเพียงลำพัง อัตราความสำเร็จในการซ่อมแซมจารึกที่เสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 25% แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์ได้ทำงานร่วมกับ Ithaca อัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็น 72%
ที่มา: วีโอเอ