การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจที่มีห่วงโซ่การผลิตอยู่ในประเทศจีน เพราะถึงแม้ว่าหลายบริษัทจะเริ่มเปิดทำการอีกครั้งหลังเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่รัฐบาลประกาศขยายเวลายาวนานกว่าปกติ แต่ก็มีบริษัทอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเปิดทำการได้ตามกำหนดโดยบางรายสถานประกอบการและโรงงานไม่ผ่านมาตรฐานด้านสาธารณสุขของจีน ต้องรอการปรับปรุงและให้ทางการออกใบอนุญาตก่อน ขณะที่หลายรายก็ขาดแคลนแรงงานซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการปิดกั้นและควบคุมการเดินทางเข้า-ออกในหลายๆเมือง รวมทั้งการปิดกั้นในระดับมณฑล นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์และการขนส่งวัตถุดิบมายังโรงงานผลิตอีกด้วย
ผู้ประกอบการในจีนจำนวนมากยอมรับว่าความล่าช้าของการกลับมาเดินเครื่องการผลิตทำให้มีความเป็นไปได้มาก
ว่าสินค้าบางรายการจะต้องส่งมอบล่าช้า ทำให้หลายรายไปยื่นขอใบรับรองความจำเป็นต้องส่งมอบสินค้าล่าช้าในภาวะฉุกเฉินจากทางการเพื่อจะไม่ถูกคู่ค้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จนถึงต้นสัปดาห์นี้มีอย่างน้อย 97 บริษัทจีนที่ยื่นขอความคุ้มครองดังกล่าว หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้า เหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์กระดาษ และวัสดุก่อสร้าง
และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ (10 ก.พ.) บริษัท แอปเปิล อิงค์ ยักษ์ใหญ่สินค้าเทคโนโลยีและสมาร์ทโฟน ซึ่งปิดทำการสำนักงานและร้านสาขาแอปเปิล สโตร์ทุกแห่งในประเทศจีนมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีน ก็ได้เริ่มเปิดทำการอีกครั้งแต่เป็นการเปิดเฉพาะร้านค้าออนไลน์ของบริษัทเท่านั้น แถลงการณ์ของแอปเปิลระบุว่า จีนเป็นตลาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการขยายการเติบโตของธุรกิจ โดยที่ผ่านมาแอปเปิลต้องเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งขันซึ่งเป็นแบรนด์จีนที่ใช้ระบบแอนดรอยด์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งส่งผลต่อระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงห่วงโซ่การผลิตของบริษัทในจีน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
สำนักข่าวรอยเตอร์ราย งานว่า บริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ฯ ที่เป็นซัพพลายเออร์ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือไอโฟนให้กับบริษัท แอปเปิลฯ มีฐานการผลิตใหญ่ในเมืองเจิ้งโจว บริษัทได้รับอนุญาตให้เดินเครื่องการผลิตแล้ว แต่ปัญหาคือมีคนงานกลับมาทำงานเพียงแค่ 10% หรือประมาณ 16,000 คนเท่านั้น
ด้านนายวีรเดช พาณิชย์วิสัย ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยอาวุโส บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าผลจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนการผลิตสินค้าไอทีในประเทศจีน เนื่องจากหลายโรงงานผลิตประกาศหยุดผลิต 1 เดือน แม้ว่ามีบางโรงงานเริ่มผลิตได้ แต่มีปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้า และการจัดหาวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนประกอบ
ทั้งนี้ไอดีซี อยู่ระหว่างการทบทวนปรับลดตัวเลขประมาณการตลาดไอทีของไทยใหม่ โดยไตรมาสแรกคาดว่าตลาดไอทีชะลอตัวลงไป 10-15% เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้โรงงานหยุดผลิตที่กระทบกับซัพพลายสินค้า และดีมานด์ความต้องการของตลาดภายในประเทศที่ลดลง
ด้านนายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด เชนสโตร์สมาร์ทโฟน
รายใหญ่ กล่าวว่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการซัพพลายเชนผลิตสินค้าสมาร์ทโฟนแน่นอน อย่างไรก็ตาม เจมาร์ท ได้เตรียมการรับมือโดยสต๊อกสินค้าไว้ถึงเดือนเมษายน ซึ่งขณะนี้ยังมีสินค้าเพียงพอต่อการขายอยู่ ส่วนระยะยาวคงต้องดูว่าจีนจะสามารถแก้สถานการณ์ได้รวดเร็วหรือไม่
หน้า 11 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,549 วันที่ 16 - 19 กุมภาพันธ์ 2563