ภายในงานจะแบ่งเป็น 3 โซน ที่มีความเชื่อมโยงกัน แสดงถึงนิวเทรนด์ที่ CAT จะโฟกัสนับจากนี้ โดย 2 โซนแรก Big Data และ Digital Service เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องต่อเนื่องกันในทิศทางของไทยแลนด์ 4.0 เสริมด้วยโซน Digital Park Thailand ซึ่งจะเป็นพื้นที่เพื่อต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นของคนไทยเอง สร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ไม่ใช่เป็นเพียงนำเทคโนโลยีของต่างชาติเข้ามาใช้ โดยรูปแบบการนำเสนอในงานนี้ประกอบด้วย
1.โซน Big Data จำลองบรรยากาศคล้ายโรงภาพยนตร์ ซึ่งจะนำเสนอสื่อมัลติมีเดียในรูปแบบ วิดีโอ และอินโฟกราฟิก แสดงการใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้ประโยชน์ Big Data ที่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย
3.โซน Digital Park Thailand นำเสนอความลงตัวของพื้นที่โครงการ Digital Park Thailand เพื่อเป็นศูนย์กลางการลงทุนดิจิทัลขนาดใหญ่ในอนาคต โดยโครงการฯ ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนภาคเอกชนที่เข้าร่วมสัมมนา Market Sounding ที่ผ่านมา และล่าสุด อยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้คาดว่าจะได้จัดทำทีโออาร์สำหรับผู้ร่วมลงทุนตามกำหนดเวลาและน่าจะได้ผู้ร่วมลงทุนในโครงการฯ ภายในเดือน ก.พ. 2562
อย่างไรก็ตาม แคทคาดหวังว่า อยากให้จังหวัดต่าง ๆ ได้นำเอาเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลเหล่านี้ไปปรับใช้งานจริง โดยเทคโนโลยี Big data จะเป็นประโยชน์ต่อทุกหน่วยงานอย่างมาก ซึ่งหลังจาก CAT ได้จัดทำระบบทดสอบวิเคราะห์ข้อมูล Big data sandbox ให้กับหน่วยราชการทั้งหมดมาระยะหนึ่ง ขณะนี้ ได้มีหน่วยงานราชการต่าง ๆ ราว 10 หน่วยงาน เริ่มสนใจศึกษาในด้านเทคนิคและการใช้งานข้อมูล Big data รวมถึงมีความร่วมมือเพื่อฝึกอบรมสร้างบุคลากรด้าน Big Data ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ขณะเดียวกัน ได้ขยายพันธมิตรในการร่วมพัฒนาบริการและแอพพลิเคชันที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม Big data ของ CAT