ผู้ช่วยนักบินอวกาศ AI "ตัวแรกของโลก" เดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติแล้ว!

12 ก.ค. 2561 | 11:06 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ไอบีเอ็ม เผย 'ไซมอน' ผู้ช่วยนักบินอวกาศระบบปัญญาประดิษฐ์ตัวแรกของโลก เดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติแล้ว

นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจไอบีเอ็ม คลาวด์ และโซลูชันส์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จของแอร์บัส (Airbus) ในการพัฒนา 'ไซมอน' (Crew Interactive Mobile Companion หรือ CIMON) ในนามของศูนย์อวกาศยานเยอรมัน (German Aerospace Center : DLR) สำหรับไซมอนนั้น เป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีไอบีเอ็ม วัตสัน ที่ได้ติดตามนักบินอวกาศ อเล็กซานเดอร์ เกิร์สต ไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจสำคัญ 3 ประการ คือ การร่วมกันทำการทดลองกับคริสตัล การแก้ไขปัญหาลูกบาศก์ของรูบิก โดยอาศัยวิดีโอต่าง ๆ และการทดลองทางการแพทย์ที่ซับซ้อน โดยใช้ไซมอนทำหน้าที่กล้องบินได้แบบ 'อัจฉริยะ'

 

[caption id="attachment_297418" align="aligncenter" width="503"] CIMON against the backdrop of the International Space Station CIMON against the backdrop of the International Space Station[/caption]

ไซมอนเป็นระบบอัจฉริยะแบบอินเตอร์แอคทีฟที่พกพาได้ ที่จะเป็นผู้ช่วยนักบินอวกาศเกิร์สตในภารกิจครั้งที่ 2 สู่สถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการสถานีอวกาศในช่วงที่ 2 ของการปฏิบัติการระยะเวลา 6 เดือน โดยไซมอนได้รับการพัฒนาโดยแอร์บัสในนามของศูนย์อวกาศยานเยอรมนี และจะได้รับการทดสอบบนสถานีอวกาศนานาชาติ ภายใต้ภารกิจ 'ฮอไรซันส์' ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency)

หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ไซมอน มีลักษณะเป็นอุปกรณ์กลม ๆ ขนาดเล็ก มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ใบหน้าและเสียงดิจิทัล รวมถึงการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของไซมอน ทำให้ไซมอนเป็นเหมือน "เพื่อนร่วมงาน" ของบรรดาลูกเรือบนอวกาศ โดยกลุ่มนักพัฒนาที่รับผิดชอบการพัฒนาไซมอน คาดการณ์ว่า ไซมอนจะช่วยลดความเครียดของบรรดานักบินอวกาศ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และทำหน้าที่เป็นระบบเตือนล่วงหน้าในกรณีที่เกิดปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถือเป็นการเข้ามาช่วยปรับปรุงเรื่องความปลอดภัย


'ไซมอน' เรียนรู้อย่างไร?
ปัจจุบัน ไซมอนได้รับการฝึกอบรมให้สามารถระบุสภาพแวดล้อมของตนและสามารถระบุคู่สนทนาที่เป็นมนุษย์ที่กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับตนได้ โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้ไซมอนสามารถประมวลผลข้อความ คำพูด และรูปภาพ รวมถึงช่วยดึงข้อมูลและข้อค้นพบต่าง ๆ ได้อีกด้วย ทักษะเหล่านี้ (ซึ่งสามารถฝึกฝนทีละส่วนและเพิ่มความลึกซึ้งในบริบทของงานที่ได้รับมอบหมายเข้าไปได้) ได้รับการพัฒนาขึ้นบนหลักการของการทำความเข้าใจ การให้เหตุผลและการเรียนรู้

เทคโนโลยีด้านการมองเห็นภาพและการโต้ตอบด้วยคำพูดของวัตสัน ช่วยให้ไซมอนสามารถจดจำอเล็กซานเดอร์ เกิร์สต์ ได้ ผ่านการฝึกจากตัวอย่างเสียงและรูปภาพของเกิร์สต์ รวมทั้งรูปภาพของบุคคลที่ "ไม่ใช่เกิร์สต์" นอกจากนี้ ไซมอนยังอาศัยความสามารถในการจำแนกแยกแยะภาพ (Visual Recognition) ของวัตสัน เพื่อเรียนรู้ผังโครงสร้างของโมดูลโคลัมบัสบนสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งทำให้ไซมอนสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ได้อย่างไร้ปัญหา

ไซมอนยังได้เรียนรู้ขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมด เพื่อให้สามารถช่วยทำการทดลองต่าง ๆ บนยานอวกาศได้อีกด้วย โดยบางครั้งการทดลองอาจประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ มากกว่า 100 ขั้นตอน ที่แตกต่างกัน ซึ่งไซมอนรู้จักขั้นตอนเหล่านั้นทั้งหมด


ปัญญาประดิษฐ์บนระบบคลาวด์-ข้อมูลที่ได้รับการปกป้อง
บริการไอบีเอ็ม วัตสัน บนไอบีเอ็ม คลาวด์ ช่วยให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและมีกรรมสิทธิ์ของสถานีอวกาศนานาชาติได้รับการปกป้องไว้ ไม่ว่าข้อมูลจะถูกสร้างขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์ ดาต้าเบส หรือที่ใดก็ตาม โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องอัพโหลดข้อมูลไปไว้ที่ระบบคลาวด์ภายนอก เพื่อใช้ความสามารถด้าน AI อย่างเต็มประสิทธิภาพแต่อย่างใด

โมเดลข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของไอบีเอ็ม ช่วยให้องค์กรสามารถฝึกโมเดล AI ด้วยเทคโนโลยีของวัตสัน โดยไม่จำเป็นต้องผสานรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือ มีกรรมสิทธิ์เข้ากับโมเดลแบบสาธารณะแต่อย่างใด และจะไม่มีองค์กรใด (หรือแม้แต่ไอบีเอ็ม) ที่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้พัฒนาแอพพลิเคชัน AI อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า จะสามารถเก็บรักษาข้อมูลที่สำคัญมากของตนไว้เป็นส่วนตัวและภายใต้กรรมสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงข้อมูลของบริษัทจะถูกนำไปใช้สร้างความได้เปรียบให้แก่ตัวบริษัทเองเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้แอร์บัสเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรในการพัฒนาไซมอนในระยะกลาง โครงการไซมอนจะมุ่งที่ผลของกลุ่มทางจิตวิทยา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับทีมเล็ก ๆ ระหว่างภารกิจระยะยาวบนอวกาศ โดยผู้สร้างสรรค์ไซมอนมีความมั่นใจว่า การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ หรือ ในกรณีนี้ คือ ระหว่างนักบินอวกาศกับผู้ช่วยอัจฉริยะบนอวกาศที่ได้รับการติดตั้งภาวะความฉลาดทางอารมณ์ จะส่งผลสำคัญต่อความสำเร็จของภารกิจ และจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับงานในโรงพยาบาล หรือ การสนับสนุนบริการด้านพยาบาลต่อไป


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ประยุทธ์” ชี้พร้อมหนุนสตาร์ทอัพ ด้านอวกาศ
แจกทุนค้นพบนักบินอวกาศไทย สจล.ร่วม ‘สเปซ แคมป์’ มะกัน


e-book-1-503x62