ชื่อของ เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอุปกรณ์กักเก็บกระแสไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อบริษัทแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ปัจจุบัน เทสลา ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกัน มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่กำลังเป็นที่จับตาบนเกาะคาไวอิ (Kauai) หนึ่งในเกาะใหญ่ของหมู่เกาะฮาวาย โครงการดังกล่าวหากก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการตามเป้าหมาย ก็จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ป้อนความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั้งเกาะได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ให้นิยามว่า งานของเทสลาคือการผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และกักเก็บไฟฟ้านั้นไว้ใช้ในยามที่ต้องการ เป้าหมายในระยะยาวนั้น เขาหวังว่าบริษัทจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนั่นคือ การให้โลกเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีวันหมด ซึ่งหลักๆก็คือพลังงานจากแสงแดด เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดูจะเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด จึงให้ความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนมากกว่าพลังงานจากถ่านหินและปิโตรเลียม
สำหรับโครงการบนเกาะคาไวอินั้น เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 54,978 แผง กำลังผลิตกระแสไฟฟ้า 13 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้า "พาวเวอร์แพ็ค" จำนวน 272 ชุด เอาไว้ใช้ในการบริหารจัดการและจ่ายกระแสไฟ
โครงการนี้ เทสลาเป็นคู่สัญญากับสหกรณ์การไฟฟ้าแห่งเกาะคาไวอิ (เคไอยูซี) โดยเทสลาเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้แก่เคไอยูซี ระยะสัญญา 20 ปี โดยเคไอยูซีตกลงรับซื้อไฟฟ้าในราคา 13.9 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ต่อหน่วย) เดวิด บิสเซิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเคไอยูซีกล่าวว่า นี่คือโครงการผลิตและกักเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ ซึ่งขนาดความสามารถในการกักเก็บไฟฟ้าของโครงการนี้นับว่าใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมแลถ่านหินได้ถึง 1.6 ล้านแกลลอนต่อปีเลยทีเดียว
ภายในปี 2045 หรือในอีก 28 ปีข้างหน้า มลรัฐฮาวายของสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด 100% เต็ม โครงการบนเกาะคาไวอิจึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,246 วันที่ 23 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2560