นายมาวิน ธนะปรีดากุล เปิดเผยว่า การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยธุรกิจสามารถช่วยปกป้องภูมิภาคจากผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้
ทั้งนี้ จึงได้ดำเนินการจัดงาน Sustainability Week Asia โดยจะเชื่อมโยงผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืน ผู้บริโภค และผู้นำทางธุรกิจ เพื่อรับเครื่องมือที่จำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นศูนย์สุทธิได้เร็วขึ้น
ซึ่งจะมีกรณีศึกษา การอภิปรายเชิงลึก การอภิปรายโต๊ะกลมส่วนตัว และโอกาสในการสร้างเครือข่าย ที่สนับสนุนการเดินทางของคุณสู่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก รงมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ใช้ได้จริง เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อไปได้ ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน
และสร้างโมเดลใหม่สำหรับการระดมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศและการส่งต่อเทคโนโลยีโดยประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจ
"กิจกรรมสัมมนาจะประกอบด้วย การประชุมร่วมกัน ,การสัมภาษณ์ในประเด็นสำคัญ รวมถึงการนำเสนอกรณีศึกษา ที่จะสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้นำด้านความยั่งยืนกว่า 800 รายภาย และจากช่องทางออนไลน์อีกกว่า 2,000 ราย เพื่อหาคำตอบว่าสังคมจะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านการแก้ไขสภาพภูมิอากาศให้เร็วขึ้นได้อย่างไรบ้าง"
นายมาวินกล่าวต่อไปอีกว่า การส่งเสริมความยั่งยืนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างที่จะลงทุน ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนมาเป็นอันดับแรก เพราะโลกขกำลังเข้าสู่ภาวะโคม่า หากไม่คำนึงถึงความยั่งยืนตั้งแต่วันนี้ สถานการณ์วิกฤติต่างๆ ย่อมตามมาอย่างแน่นอน