"บาฟส์" ผุดรถเติมน้ำมันอากาศยาน "EV" เติมเร็วที่สุดในโลก ลดคาร์บอน 2 เท่า

13 มี.ค. 2567 | 03:33 น.

"บาฟส์" ผุดรถเติมน้ำมันอากาศยาน "EV" เติมเร็วที่สุดในโลก ลดคาร์บอน 2 เท่า เผยสร้างด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องยนต์ 

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า บาฟส์ ได้ดำเนินการนำรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow รุ่น E-VELOX 3400 ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ผลิตโดย บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BI) จากกลุ่มบริษัท BAFS group มาให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานเป็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำหรับรถเติมน้ำมันอากาศยาน E-VELOX 3400 ผลิตขึ้นโดยนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องยนต์ 

รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถด้วยอัตราการไหลของน้ำมันแบบ High Flow 3,400 ลิตรต่อนาที ทำให้เป็นรถเติมน้ำมันอากาศยาน EV ที่สามารถให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานได้รวดเร็ว 
 

นอกจากนี้ ด้วยขนาดกะทัดรัด คล่องตัว สามารถเติมน้ำมันด้วยระบบแรงดันแบบใต้ปีก (Underwing Refueling) ให้บริการกับเครื่องบินโดยสารทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และด้วยอัตราการไหลที่รวดเร็วยังทำให้ตอบโจทย์การเติมน้ำมันเครื่องบินลำใหญ่ รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลที่ต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก 

"บาฟส์" ผุดรถเติมน้ำมันอากาศยาน "EV" เติมเร็วที่สุดในโลก ลดคาร์บอน 2 เท่า

โดยสามารถให้บริการได้เฉลี่ย 15-20 เที่ยวบินต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 2.08 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อการเติมน้ำมัน 10,000 ลิตร หรือ 85-90% เมื่อเทียบกับรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล

ทั้งนี้ E-VELOX 3400 ช่วยยกระดับการเติมน้ำมันอากาศยานให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser ระบบ Low Flow รุ่น E-VELOX 1300 แบบเดิมที่ปัจจุบันให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานสำหรับเที่ยวบินระยะสั้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง 

ขณะที่ E-VELOX 3400 สามารถให้บริการการเติมน้ำมันสำหรับเที่ยวบินระยะไกลที่ต้องใช้น้ำมันมากกว่า 100,000 ลิตร โดยใช้เวลาเติมน้ำมันเพียง 30 นาที E-VELOX 3400 จึงสามารถตอบสนองการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เป็นอย่างดี มีส่วนช่วยให้สายการบินสามารถทำเวลาในการเตรียมความพร้อมสำหรับเที่ยวบินถัดไป โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มี Ground Time จำกัดได้ 

"บริษัทมุ่งสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก (Aviation Hub) และสนับสนุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่การเป็นสนามบินต้นแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Airport) โดยมีแผนนำรถเติมน้ำมันอากาศยาน และรถให้บริการภาคพื้นภายในสนามบิน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รุ่นต่างๆเสริมทัพให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิจำนวน 6 คันภายในปีนี้ เพื่อให้ทุกขั้นตอนในการให้บริการสอดรับกับ มาตรการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผลักดันให้อุตสาหกรรมการบินก้าวเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)"