นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้ดำเนินการ่วมกับบริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด (EDS) พัฒนาและผลิตเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger
ทั้งนี้ เครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger มีกำลังไฟสูงสุดถึง 150 กิโลวัตต์ (kW) สามารถชาร์จไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว โดยจะนำร่องติดตั้งเป็นแห่งแรกที่โรงไฟฟ้าวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ EDS ได้ร่วมกับ EleX by EGAT เพื่อขยายเครือข่ายการใช้งานเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger เชิงพาณิชย์ให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ต่อยอดจากปัจจุบันที่ กฟผ. เปิดให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT พร้อมสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA แล้ว 120 สถานีทั่วประเทศ
และตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จในเครือข่ายให้มีจำนวนรวมกว่า 180 สถานี ภายในสิ้นปี 2566 เพื่อสร้างความมั่นใจ และประหยัดเวลาในการเดินทางแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ควบคู่ไปกับการสร้างอากาศที่ดีลดมลพิษบนท้องถนน
นายบุญญนิตย์ กล่าวอีกว่า กฟผ.เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดของประเทศไทย อีกทั้ง EDS ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม กฟผ. มีประสบการณ์ด้านธุรกิจดูแลอุปกรณ์เครื่องจักร อะไหล่ของโรงไฟฟ้า ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น เช่น การพัฒนาเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการด้านการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า และผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
รวมถึงส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของผู้ผลิตเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายในประเทศ และเกิดประโยชน์ด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมแก่ประเทศไทยในอนาคต
นายนัฐวุธ พิริยะจิตตะ ผู้จัดการใหญ่ EDS กล่าวว่า EDS ได้พัฒนาเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger ที่ผลิตและรับรองมาตรฐานโดยคนไทยรายแรก ซึ่งมีความเสถียร มั่นคง จ่ายกระแสไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถสื่อสารและเชื่อมโยงการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน รองรับการชาร์จกับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นในปัจจุบัน
และผ่านการทดสอบมาตรฐาน International Electrotechnical Commission (IEC) จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) เรียบร้อยแล้ว
สำหรับบริษัท EDS เกิดจากการร่วมทุนของ กฟผ. 45% Mitsubishi Power Asia Pacific (MPW-AP) 30% Mitsubishi Corporation (MC) 15% และ RATCH Group 10%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง