“นิสสัน”สู่องค์กรยั่งยืน เดินหน้าลดปล่อย CO2

03 มิ.ย. 2566 | 02:17 น.

นิสสัน มอเตอร์ เร่งขับเคลื่อน “Nissan Ambition 2030” เดินหน้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลักดันการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ชูโครงการ Blue Switch ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม จับมือพันธมิตรพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ฯ ยังคงให้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคอาเซียน โดยยืนยันถึงแผนการลงทุนและการเดินหน้าในการทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 ที่จะสนับสนุนเป้าหมายของนิสสันในการเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ภายในปี 2050 และมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ขับเคลื่อนโลกสู่สังคมไร้มลพิษ ไร้อุบัติเหตุอย่างเท่าเทียม ก้าวสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกนำมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Footprint) และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

ที่เดินหน้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลักดันการผลิตยานยนต์ที่มีเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อการขับขี่แห่งอนาคตจากนิสสัน เช่น นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยการเปลี่ยนนํ้ามันเป็นไฟฟ้า

“นิสสัน”สู่องค์กรยั่งยืน เดินหน้าลดปล่อย CO2

  • ชู Blue Switch ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

นายอิซาโอะ เซคิกุจิ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า นิสสันมีเป้าหมายในการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง และเป็นแบรนด์รถยนต์ชั้นนำในอันดับ TOP 5 ในตลาดประเทศไทย พร้อมกับสานต่อเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ปี 2023 ให้สอดคล้องกับ NISSAN AMBITION 2030 ที่ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทที่ยั่งยืน สนับสนุนสังคมให้สะอาด และปลอดภัย ด้วยการขับเคลื่อนด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เช่น นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยการเปลี่ยนนํ้ามันเป็นไฟฟ้า

อีกทั้ง นิสสันได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อจัดตั้ง 4R Energy Corporation เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายใต้หลักการในการดำเนินการของ 4R ได้แก่ Refabricate, Recycle, Resell and Reuse เช่น การนำแบตเตอรี่รถยนต์นิสสัน ลีฟ กลับมาสร้างประโยชน์ โดยได้ริเริ่มโครงการ Blue Switch เพื่อร่วมจัดการปัญหาทางสังคม อาทิ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรในหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ผ่านการใช้ประโยชน์จากความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นได้มากกว่ายานพาหนะ

อีกทั้ง ได้ขยายผลโครงการ Blue Switch ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อนำร่องศึกษาการแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับระบบไฟฟ้า (Vehicle-to-Grid หรือ V2G) และการควบคุมกำลังไฟฟ้าจากศูนย์ควบคุมกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ

 “นิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยี bi-directional charger ที่ทำให้สามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันได้ และสามารถชาร์จไฟจากระบบไฟบ้านเข้าสู่รถยนต์นิสสัน ลีฟ รวมทั้งยังสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์ของตนเองคืนกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟผ.ได้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมานิสสัน ลีฟ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากกว่า 2.1 ล้านตัน จากจำนวนผู้ใช้กว่า 460,000 คันทั่วโลก หรือเทียบได้กับจำนวนต้นไม้กว่า 81 ล้านต้นในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละปี”

  • พัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน

ที่ผ่านมานิสสัน ประเทศไทย ได้นำข้อปฏิบัติในการทำงาน และปลูกฝังจิตสำนึกของพนักงานในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนของสำนักงานและโรงงานผลิต เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานใน 4 ด้าน และพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ได้แก่

 1.สร้างค่านิยมในการคัดแยกขยะ (Waste Separation) :

นิสสันได้ส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องทั้งในสำนักงานและโรงงานผลิต โดยคัดแยกออกเป็นขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป ขยะเปียก และขยะอันตราย มีการนำขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อให้นำกลับมาสร้างประโยชน์ได้อีก

 2.การรีไซเคิลนํ้าเพื่อให้การปล่อยนํ้าเสียเป็นศูนย์ (Water Recycling and Zero Water Discharge) : เพื่อป้องกันการปล่อยนํ้าเสียจากอุตสาหกรรมสู่แหล่งนํ้าธรรมชาติ นิสสันมีการนำเทคโนโลยีบำบัดนํ้าเสียแบบ Recycle Reverse Osmosis System มาใช้ในโรงงาน ซึ่งช่วยให้นำนํ้าเสียจากกระบวนการผลิตที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการนำนํ้าที่รีไซเคิลแล้ววันละกว่า 300 ลูกบาศก์เมตรมาใช้ในโรงงาน

 3.เพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่าน Tree Planting Project : นิสสัน ได้จัดกิจกรรมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่โรงงานเพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และพื้นที่สีเขียวให้กับสังคม ปัจจุบันพนักงานของนิสสันได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 900 ต้นในโครงการนี้ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน ลดปริมาณฝุ่น pm 2.5 และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ

 4.การใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าผ่านโครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop project) : ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 60,000 ตารางเมตร มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงถึง 5.5 เมกะวัตต์เพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี หรือประมาณ 400 ตันต่อเดือน เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถ 86 คันหรือการปลูกต้นไม้ทดแทนจำนวน 566 ต้น ทำให้นิสสันเป็นหนึ่งในโรงงานในประเทศไทยที่มีฐานการผลิตพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดและสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์