In Brief
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กำลังเร่งเดินหน้ากลยุทธ์ 4S ซึ่งครอบคลุมมิติการเติบโตและการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ประกอบด้วย การมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการผลิตไฟฟ้าและไอนํ้า เร่งขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและต่างประเทศ การพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต และปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเข้าสู่รูปแบบที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
GPSC ตั้งเป้าหมายจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยการผลิตไฟฟ้า (Carbon intensity) ให้ได้ 10% ในปี 2568 และ 35% ในปี 2573 เพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2603
ล่าสุด GPSC ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 10% ในปีนี้แล้ว และกำลังจะพิจารณาปรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์( (Net Zero) ให้เร็วขึ้น สอดรับกับเป้าหมาย NDC 3.0 ที่จะบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593
นางสาวสุกิตตี ไชยรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า จากที่บริษัทเร่งขยายการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีพันธสัญญา (Committed Capacity) ไปจนถึงปี 2573 รวม 13,062 เมกะวัตต์ เป็นในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม / โคเจนเนอเรชั่น /พลังความร้อน 3,961เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 9,101 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD ) แล้ว 6,547 เมกะวัตต์ เป็นในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม / โคเจนเนอเรชั่น / พลังความร้อน กำลังผลิต 3,565 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 2,982 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 46%
ทั้งนี้ จากพันธสัญญาที่มีอยู่เมื่อถึงปี 2573 จะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 70 % เป็นสัดส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ 65% พลังนํ้า 3% พลังงานลม 1% พลังงานจากขยะ 0.1% ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ในสัดส่วน 50% ภายในปี 2573 ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ จะลดลงเหลือ 22% จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 42 % และสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจะลดลงเหลือ 6% โดยมีนโยบาย No Additional Coal หรือไม่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติม จากปัจจุบันมีสัดส่วน 12% และกากนํ้ามันจากกระบวนการกลั่น 2%
สำหรับสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนี้ หลักๆ จะมาจากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัท AVAADA สัดส่วน 39.90% ที่มีเป้าหมายระยะยาวจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (พลังงานแสงอาทิตย์) เป็น 30,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือ 20,919 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 5,601 เมกะวัตต์ โดย GPSC มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 8,347 เมกะวัตต์ ในส่วนนี้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 2,235 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1,471 เมกะวัตต์ ที่จะทยอย COD ภายในปี 2569 และอยู่ระหว่างการรอลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) เพื่อพัฒนาโครงการต่อไปอีก 13,847 เมกะวัตต์ ที่จะทยอย COD ครอบทั้งหมดภายในปี 2573
ขณะเดียวกัน ในการเพิ่มกำลังผลิตของพลังงานหมุนเวียนในอินเดีย ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะการรองรับศูนย์ข้อมูลหรือ Data Center เป็นตลาดที่มีความต้องการไฟฟ้าสะอาดสูงมาก จากนโยบายต้องการเป็นผู้นำด้าน AI ของโลก และมีโครงข่ายพลังงานที่ยืดหยุ่น โดย GPSC จะเข้าลงทุนในรูปแบบของแพลตฟอร์ม คาดว่าโครงการเริ่มต้นจะมีขนาดไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในการขออนุมัติลงทุนภายในปี 2569
ส่วนการขยายการลงทุนพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยนั้น GPSC มีพันธมิตรที่มีจุดแข็งในการจัดหาที่ดินและมีจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยี โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นไปถึง 2,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 จากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และระบบกักเก็บพลังงาน(แบตเตอรี่)
ปัจจุบันมี Private PPA (สัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน) ที่ดำเนินการแล้วทั้งสิ้นประมาณ 54 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มอีกประมาณ 23 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการรอลงนาม PPA จากการประมูลบิ๊กล็อต รอบ 2 อีก ราว 193 เมกะวัตต์ หลังจากได้ลงนาม PPA ไปแล้ว 16 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ GPSC ยังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมโครงการใหม่ๆ ทั้ง Direct PPA และ Third Party Access โดยมีเป้าหมายกว่า 300 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยบริษัทมีกำลังการผลิตที่พร้อมรองรับความต้องการของ Data Center อยู่ที่ประมาณ 700 เมกะวัตต์ ที่มาจากกำลังการผลิตส่วนที่เหลือในปัจจุบัน การใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าที่จะหมดสัญญาการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ในอนาคต และโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ในแผนงาน
อีกทั้ง การเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมประมูล ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีฉบับใหม่ ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ ร่วมถึงการศึกษาเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) เพื่อมารองรับการลงทุนที่คาดว่าจะมีการบรรจุอยู่ในแผนพีดีพีฉบับใหม่ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง