In Brief
รายงานของ Carbon Brief เปิดเผย ความสับสนเกี่ยวกับรายชื่อประเทศที่ถูกระบุว่าเป็นผู้คัดค้าน “โรดแมปการเปลี่ยนผ่านฟอสซิล” ในการประชุม COP30 โดยพบว่ามีความคลาดเคลื่อนหลายจุด รวมถึงรายชื่อที่ซ้ำทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน
ขณะที่หลายประเทศยืนยันว่าไม่ได้คัดค้านตามที่ระบุ ส่งผลให้ไม่สามารถบรรลุฉันทามติ และโรดแมปดังกล่าวจึงไม่ถูกบรรจุในผลลัพธ์สุดท้าย ขณะเดียวกัน ประธาน COP30 ประกาศเดินหน้าเตรียมจัดทำโรดแมปด้วยตนเองต่อไป
Carbon Brief ยืนยันว่าได้รับสำเนาที่รั่วไหลของบัญชีรายชื่อไม่เป็นทางการซึ่งประกอบด้วย 84 ประเทศ โดยสื่อหลายสำนักระบุว่าเป็นกลุ่มที่ขัดขวางการบรรจุโรดแมปไว้ในข้อตกลง"mutirao" ช่วงสัปดาห์ที่สองของการเจรจาที่การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติในเมืองเบเลง
ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการประชุม ฝ่ายประธานการประชุมของเจ้าภาพประเทศบราซิล แจ้งในที่ประชุมลับว่า ไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุฉันทามติ เนื่องจากมีฝ่ายเห็นด้วย 80 ประเทศ และฝ่ายไม่เห็นด้วย 80 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ของ Carbon Brief ต่อบัญชีรายชื่อไม่เป็นทางการซึ่งจัดทำโดยฝ่ายประธาน ชี้ให้เห็นว่า รายชื่อมีความขัดแย้งและความผิดพลาดหลายประการ หนึ่งในนั้นมี 14 ประเทศที่ปรากฏอยู่ทั้งในรายชื่อผู้เห็นชอบและผู้คัดค้านต่อแนวคิดการบรรจุโรดแมปฟอสซิลไว้ในผลลัพธ์ COP30
นอกจากนี้ รายชื่อประเทศที่ถูกระบุว่าเป็นฝ่ายคัดค้านยังรวมถึงสมาชิก 42 ประเทศทั้งหมดของกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ที่เข้าร่วมประชุมในเบเลง แม้ว่ากลุ่มนี้จะยืนยันกับ Carbon Brief อย่างชัดเจนว่าไม่เคยคัดค้าน รายชื่อดังกล่าวยังรวมถึงประเทศตุรกี ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเจ้าภาพจัด COP31 แต่ตัวแทนตุรกียืนยันว่า การระบุชื่อตนในรายชื่อดังกล่าวเป็นความผิดพลาด
การประชุม COP28 ที่ดูไบในปี 2023 ได้สรุปผลการประเมินความก้าวหน้ารวมระดับโลก (global stocktake) ซึ่งเรียกร้องให้ทุกประเทศมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่การเจรจาเพื่อเดินหน้าประเด็นนี้กลับหยุดชะงัก รวมถึงในการประชุม COP29 ที่เมืองบากู โดยประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะบรรลุข้อตกลงใดที่รวมการเปลี่ยนผ่านฟอสซิล
ก่อนการประชุม COP30 ประธานาธิบดีบราซิลเสนอแนวคิดอย่างไม่คาดหมายเกี่ยวกับโรดแมป สำหรับการเปลี่ยนผ่านฟอสซิลและการยุติการตัดไม้ทำลายป่า แม้แนวคิดดังกล่าวไม่อยู่ในวาระอย่างเป็นทางการ แต่ได้รับการพัฒนามาหลายเดือนก่อนหน้า และกลายเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจา
ในท้ายที่สุด แนวคิดนี้ไม่ได้ถูกบรรจุในผลลัพธ์อย่างเป็นทางการของ COP30 ฝ่ายประธานบราซิลจึงประกาศเดินหน้าจัดทำโรดแมปด้วยตนเอง โดยอ้างอิงหลักการฉันทามติของ COP และยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะบรรลุความเห็นพ้อง เนื่องจากมี “ฝ่ายเห็นด้วย 80 ประเทศ และฝ่ายไม่เห็นด้วย 80 ประเทศ
รายชื่อประเทศผู้สนับสนุนโรดแมปได้รับจาก Carbon Brief ระหว่างการประชุม ส่วนรายชื่อฝ่ายคัดค้านเพิ่งถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรก โดยสรุปจากการประชุมตัวแทนของ 50 ประเทศ จากนั้นขยายตามฐานพันธมิตรเจรจาต่าง ๆ จนถึง 84 ประเทศ
ประกอบด้วยสองกลุ่มเจรจา ได้แก่ กลุ่มประเทศอาหรับ (22 ประเทศ) และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแนวร่วม (LMDCs 25 ประเทศ) ซึ่งแม้ทั้งสองกลุ่มมีจุดยืนต่อต้านถ้อยคำที่มีลักษณะผูกมัด (proscriptive wording) ในข้อตกลง COP30 แต่เหตุผลที่ให้ไว้มีความละเอียดและแตกต่างกัน
ทั้ง LMDCs และกลุ่มอาหรับมีท่าทีสม่ำเสมอที่จะไม่รับข้อผูกพันที่เข้มงวดเกินไป แต่ไม่ใช่การปฏิเสธการเปลี่ยนผ่านฟอสซิลโดยสิ้นเชิง เพราะทุกประเทศได้ตกลงในหลักการเดินทางนั้นไปก่อนแล้ว
Carbon Brief ยังพบว่า รายชื่อฝ่ายคัดค้านรวมสมาชิกกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) จำนวน 42 ประเทศ ยกเว้นอัฟกานิสถานและเมียนมา อย่างผิดพลาด ทั้งที่บางประเทศแสดงการสนับสนุนต่อโรดแมปฟอสซิลต่อสาธารณะ
ความสับสนยิ่งปรากฏชัดเมื่อพบว่า 14 ประเทศอยู่ทั้งในรายชื่อผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน เช่น คิริบาส หมู่เกาะโซโลมอน และตูวาลู เพราะหลายประเทศเป็นสมาชิกหลายกลุ่มเจรจา
รายชื่อผู้สนับสนุนโรดแมปประกอบด้วยกลุ่ม AOSIS, EIG, AILAC และสหภาพยุโรป โดย 14 ประเทศที่อยู่ทั้งสองฝ่าย เช่น บาห์เรน บัลแกเรีย เนปาล ตูวาลู เป็นต้น รายชื่อฝ่ายคัดค้านยังรวม 37 ประเทศจากกลุ่มแอฟริกา สะท้อนความผิดพลาดในการบรรจุสมาชิก LDCs
บทสรุปจาก The Guardian ระบุว่า ถึงแม้ฝ่ายประธาน COP30 จะแสดงความมั่นใจว่าจะประสานจุดยืนได้ แต่ยังยืนยันว่ามี80 ประเทศคัดค้าน โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน ขณะที่ตัวแทนบางประเทศในกลุ่มแอฟริกาปฏิเสธคำกล่าวของหัวหน้ากลุ่ม
นอกจากนี้ The Guardian ยังเผยว่า ประเทศอย่าง จีนเเละอินเดีย สองประเทศหลักในกลุ่ม LMDCs ไม่ได้คัดค้านโรดแมป โดยจีนระบุว่าจะไม่ขัดขวาง ขณะที่อินเดียเน้นว่าการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่การลดการปล่อยเป็นศูนย์กลาง
ในบทความของ ActionAid USA ที่เผยแพร่ในสื่อ Climate Home News ระบุว่า การตีตราประเทศกำลังพัฒนาเป็นผู้ขัดขวางนั้นไม่แฟร์ เพราะหลายประเทศมีความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม และไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการแก้ปัญหาโลกร้อน
ในรายงานของ Carbon Brief ระบุว่า ประเทศอย่าง ไนจีเรีย คัดค้านการบรรจุโรดแมปในข้อตกลง mutirao แต่ไม่ได้คัดค้านหลักการเปลี่ยนผ่านฟอสซิล โดยยืนยันว่า การเปลี่ยนผ่านควรเป็น กระบวนการที่แต่ละประเทศกำหนดเอง
รายชื่อฝ่ายคัดค้านยังรวมประเทศผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ เช่น รัสเซีย บรูไน รวมถึงประเทศที่มีรัฐบาลแนวขวา ซึ่งปัจจุบันไม่สนับสนุนนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ เช่น อาเจนตินา กรณีของตุรกีถือว่าสำคัญ เพราะเป็นเจ้าภาพ COP31 แต่ตัวแทนยืนยันว่าไม่ได้คัดค้าน และการใส่ชื่อเป็นความผิดพลาด
หลายสื่อพยายามชูภาพของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และจีน เป็น “ผู้ขัดขวาง” โรดแมป ขณะที่สื่อในอินเดียและจีนโต้แย้งและนำเสนอว่า ประเทศกำลังพัฒนามีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหากถูกบังคับให้ดำเนินตามเป้าหมายที่เข้มงวด
สื่ออย่าง China Daily เสนอว่ากรอบการสื่อสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านควรมุ่งเน้นที่พลังงานหมุนเวียน ในขณะที่เจ้าหน้าที่จากซาอุดีอาระเบีย กล่าวกับ Carbon Brief ว่า ปัญหาคือการปล่อย ไม่ใช่เชื้อเพลิง และประเทศนั้นพร้อมลดการปล่อยไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงใด
ทั้งกลุ่มอาหรับและ LMDCs รวมทั้งฝ่ายประธาน COP30 และกลุ่มเจรจาที่เกี่ยวข้องไม่ได้ตอบรับคำเชิญให้แสดงท่าทีต่อรายชื่อที่รั่ว
แม้โรดแมปฟอสซิลจะไม่ถูกบรรจุในผลลัพธ์อย่างเป็นทางการของ COP30 แต่ฝ่ายประธานของบราซิลได้ประกาศจะเดินหน้าแนวคิดนี้ โดยเตรียมจัดทำโรดแมปสองชุด ได้แก่ โครงการหยุดและย้อนการตัดไม้ทำลายป่า โครงการเปลี่ยนผ่านออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างยุติธรรม เป็นระบบ และเท่าเทียม
โรดแมปเหล่านี้จะดำเนินโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ และเปิดให้มีส่วนร่วมจากรัฐบาลประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค องค์กรระหว่างประเทศ ภาคธุรกิจ คนทำงาน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม และจะรายงานผลต่อที่ประชุม COP นอกจากนี้จะเชื่อมโยงกับการประชุมนานาชาติครั้งแรกเกี่ยวกับการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในโคลอมเบียในเดือนเมษายนปีหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง