In Brief
บทบาทของกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ภายใต้การบริหารของสำนักงานกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง (สกนช.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลรักษาเสถียรภาพราคานํ้ามันเชื้อเพลิงในประเทศให้กับประชาชน เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ด้านนํ้ามันเชื้อเพลิง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก ที่มีปัจจัยมาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อราคานํ้ามันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก กองทุนนํ้ามันฯ ได้เข้าไปอุดหนุนราคานํ้ามันขายปลีกในประเทศจนส่งผลกระทบต่อฐานะกองทุนนํ้ามันฯ สูงกว่า 1 แสนล้านบาท
บทบาทของกองทุนนํ้ามันฯ ถือเป็น “กันชนสำคัญ” ที่ช่วยพยุงค่าครองชีพและรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ และเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ราคานํ้ามันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้กองทุนนํ้ามันฯ เริ่มมีเงินไหลเข้ามาเป็นระยะๆ ส่งผลต่อฐานะกองทุนนํ้ามันฯดีขึ้นเป็นลำดับ
ในปี 2568 จากสถานการณ์ราคานํ้ามันในตลาดโลกที่อยู่ในภาวะทรงตัว โดยราคานํ้ามันนํ้ามันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นับเป็นปีแห่งการ “พลิกฟื้น” ของกองทุนนํ้ามันฯ
ล่าสุดข้อมูลจากสำนักงานกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง (สกนช.) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 กองทุนนํ้ามันฯมีฐานะติดลบเพียง 12,782 ล้านบาท (เป็นบัญชี LPG ติดลบ 40,778 ล้านบาท ขณะที่บัญชีนํ้ามันเป็นบวกที่ 27,996 ล้านบาท) ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ติดลบกว่า 99,000 ล้านบาท และยอดหนี้เงินกู้เหลือ 31,249 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 3 ปี ที่เคยมีหนี้มากกว่า 130,000 ล้านบาท เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นสัญญาณบวกของเสถียรภาพทางการเงินในอนาคต
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนสกนช.ชี้ให้เห็นว่า บทบาทของกองทุนนํ้ามันฯ เป็นกลไกสำคัญในการเข้ามาช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะช่วงที่ราคาพลังงานในตลาดโลกมีความผันผวนมาก กรณีตัวอย่างช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา กองทุนนํ้ามันฯ ได้ลดการจัดเก็บเงินจากนํ้ามันดีเซลและเบนซินรวม 2 ครั้ง รวม 1 บาทต่อลิตร ช่วยลดราคาขายปลีกและกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันในเหตุการณ์สงคราม 12 วัน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน คณะกรรมการบริหารกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังได้เร่งตรึงราคานํ้ามันดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร มีการปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนนํ้ามันฯ ถึง 5 ครั้งในสัปดาห์เดียว เพื่อป้องกันแรงกระแทกต่อค่าครองชีพของประชาชน ตลอดจนการปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาขายปลีกที่ต้องปรับราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้ กองทุนนํ้ามันฯ ยังได้ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ระดับ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2566 และล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติเห็นชอบให้ขยายการตรึง LPG ไปถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2568 เปรียบเสมือนเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ในขณะที่ กบน. กำหนดกรอบวงเงินสำหรับอุดหนุนราคา LPG ได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ปัจจุบันกองทุนนํ้ามันฯ บัญชี LPG มีเงินไหลเข้าจำนวน 31.12 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 933 ล้านบาทต่อเดือน) ขณะที่ราคา LPG ในตลาดโลกอยู่ในระดับประมาณ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
สกนช.สะท้อนว่า หากราคานํ้ามันตลาดโลกทรงตัวในระดับปัจจุบันระหว่าง 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีโอกาสสูงที่กองทุนนํ้ามันฯ จะกลับมามีฐานะ “บวก” ภายในสิ้นปี 2568 และสามารถชำระหนี้ได้ครบภายในปี 2572 เร็วกว่ากำหนดเดิม ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของแนวทางบริหารแบบ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของกระทรวงพลังงาน เพื่อดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรม และยั่งยืนต่อไป โดยเฉพาะการช่วยสนับสนุนนนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงาน ที่มุ่ง “ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และสร้างเสถียรภาพราคาพลังงานเพื่อประชาชน"
สำหรับปี 2569 กองทุนนํ้ามันฯ เตรียมวางแนวทางการทำงานเชิงรุกมากขึ้น ทั้งด้านการเสริมสภาพคล่อง การพัฒนาระบบจัดเก็บ-ใช้จ่ายที่ทันสมัย และโปร่งใส การยกระดับฐานข้อมูล เพื่อบริหารความเสี่ยงจากราคาพลังงานโลก ตลอดจนการสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจต่อบทบาทของกองทุนนํ้ามันฯ ในระยะยาว
โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และรักษาความเป็นธรรมด้านราคาให้กับประชาชน ตอกยํ้าบทบาทการทำงานของกองทุนนํ้ามันฯ ในฐานะกลไกสำคัญที่ช่วยดูแลราคาพลังงานของประเทศให้มีเสถียรภาพ เป็นธรรม และพร้อมรับมือกับความผันผวนในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง