KEY
POINTS
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในปี 69 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 68 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 75-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันเบนชินเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เฉลี่ยอยู่ที่ 460-500 เหรียญสหรัฐ/ตัน
เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในช่วงฤดูหนาวในต่างประเทศไม่สูงมากนัก เพราะอุณหภูมิไม่หนาวมาก ขณะที่กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก พลัส ที่ยังล้นตลาด ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีอิสราเอล-อิหร่าน และความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่สงบ
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจของกองทุนน้ำมันฯ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลเสถียรภาพราคาพลังงาน แต่ยังรวมถึงการสร้างความเข้าใจต่อระบบพลังงานของประเทศ ผ่านการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน และภาคส่วนต่างๆ ได้เห็นกระบวนการทำงานจริง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่คลังน้ำมันชุมพร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
และคลังน้ำมันชุมพร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เพื่อเรียนรู้กระบวนการดำเนินงาน ระบบบริหารจัดการ และกลไกกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ภาคใต้ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานพลังงานของประเทศ
“การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างความร่วมมือ และความเข้าใจต่อบทบาทของกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาสมดุลระหว่างเสถียรภาพด้านราคากับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ”
นอกจากนี้ ยังทำให้ได้เห็นภาพรวมของคลังน้ำมันระดับภูมิภาคอย่างชุมพร จะเข้าใจชัดเจนว่าน้ำมันที่ส่งให้กับประชาชน เกิดจากกระบวนการทำงานที่ต้องอาศัยความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการ และนโยบายพลังงานที่รอบด้าน
“กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงยืนหยัดเป็นกลไกสำคัญที่คอยรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้พลังงานเข้าถึงประชาชนอย่างเป็นธรรม และในราคาที่เหมาะสม”
สำหรับคลังน้ำมัน PT จังหวัดชุมพรถือเป็นศูนย์กลางกระจายน้ำมันภาคใต้ โดยรับน้ำมันจากโรงกลั่นไทยออยล์ และไออาร์พีซี เพื่อจัดเก็บและกระจายไปยังสถานีบริการ PT และลูกค้าธุรกิจค้าส่ง-อุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่คลังน้ำมัน ไออาร์พีซี ชุมพร มีถังเก็บผลิตภัณฑ์จำนวน 8 ใบ ความจุรวมทั้งสิ้น 9.7 ล้านลิตร พร้อมท่าเทียบเรือของตนเองสำหรับใช้ขนถ่ายสินค้าทางเรือ จำนวน 1 ท่า
โดยคลังน้ำมันดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการจัดเก็บและกระจายผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเลียมหลักแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่จะจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจและการคมนาคมในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดใกล้เคียง โดยจังหวัดชุมพรถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของระบบพลังงานภาคใต้