net-zero

มองแผนพัฒนา 5 ปีจีน ก้าวทะยานสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว

In Brief

  • จีนเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวภายใต้แผนพัฒนา 5 ปี โดยมุ่งติดตั้งกังหันลมและแผงโซลาร์เซลล์จำนวนมหาศาล ผลักดันการใช้ไฮโดรเจนสีเขียว และพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
  • ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี Vehicle-to-Grid (V2G) ซึ่งเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้สามารถทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองจ่ายพลังงานกลับเข้าระบบเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
  • มองพลังงานสะอาดเป็น "แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม" ใหม่ เพื่อสร้างความสามารถในการผลิตที่มีคุณภาพสูงและขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิตอุปกรณ์ไปจนถึงซอฟต์แวร์

จีนกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการออกแบบระบบพลังงานยุคใหม่ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ซึ่งครอบคลุมปี 2026 – 2030

หากในอดีตคำว่า “พลังงานสะอาด” ยังเป็นเสมือนเป้าหมายเชิงคุณค่า วันนี้จีนยกระดับเรื่องเหล่านี้เป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่จับต้องได้ และกำลังส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก

ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่นี้ จีนจริงจังและมุ่งมั่นอย่างมากกับการเร่งติดตั้งกังหันลมและแผงโซลาร์ให้ถึงระดับเทราวัตต์ ผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงของไฮโดรเจนสีเขียวในภาคการผลิตมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการยกเครื่องโครงข่ายไฟให้ฉลาด ยืดหยุ่น เพื่อรองรับเทคโนโลยีอย่าง Vehicle-to-Grid (V2G) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สามารถส่งพลังงานจากแบตเตอรี่กลับเข้าไปในระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้ เทคโนโลยีนี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นเหมือนแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า

หากถามว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่ส่งผลให้จีนต้องขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง คำตอบอาจมีหลากหลาย ตั้งแต่ระบบเศรษฐกิจโลกวันนี้มีความผันผวนมากยิ่งขึ้น เกิดแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น ห่วงโซ่อุปทานขยับตัวอย่างระแวดระวัง และเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศเดินหน้าเข้มข้นขึ้น จีนจึงเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นคานงัดเพื่อยกระดับผลิตภาพและเสริมสร้างความมั่นคง พูดง่าย ๆ คือพลังงานหมุนเวียนเป็นทั้งยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ

มองแผนพัฒนา 5 ปีจีน ก้าวทะยานสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว

หลายท่านเมื่ออาจมาถึงจุดนี้อาจมองว่าจีนก็มียุทธศาสตร์เรื่องนี้มานานแล้ว ไม่เห็นว่าแผนพัฒนาฉบับนี้จะมีอะไรใหม่ แต่ถ้ามองลึกลงไปเราอาจมองเห็นว่าจีนจริงจังกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นแบบทวีคูณ ควบคู่กับการสร้างห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นประตูสำคัญสู่ความสำเร็จของจีนในการเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานหมุนเวียนของโลกหนึ่งเดียว และหากระบบนี้ประสบความสำเร็จจะเชื่อมไปสู่ยุทธศาสตร์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนด้วย

วันนี้จีนพยายามอย่างมากในการยกระดับเทคโนโลยี Vehicle-to-Grid หรือ V2G ภายใต้แผนพัฒนาฉบับใหม่นี้ จีนได้ยกบทบาทจากความเป็นไปได้เชิงเทคนิคไปสู่เครื่องมือเชิงระบมากยิ่งขึ้น เพราะ V2G อนุญาตให้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่รองรับการชาร์จสองทิศทาง ส่งพลังงานกลับเข้ากริดในช่วงที่ระบบต้องการ

ลองนึกภาพว่าเมื่อผู้คนเสียบรถไว้ตอนเย็น รถเหล่านั้นไม่ใช่เพียงบริโภคไฟ แต่กลายเป็นแบตเตอรี่สำรองจิ๋วจำนวนมหาศาลที่พร้อมส่งกระแสไฟฟ้าเข้าระบบกริดได้ด้วย และนี่คือตัวอย่างสำคัญหลังจากจีนซุ่มซ้อมมากเป็นเวลาหลายปีผ่านการทดลองในเมืองต่าง ๆ แต่แผนพัฒนาฉบับนี้คือการยกระดับสิ่งเหล่านี้สู่การผลักดันระดับชาติ

มองแผนพัฒนา 5 ปีจีน ก้าวทะยานสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว

สิ่งที่น่าสังเกตคือ แผนฉบับนี้ ไม่ได้มองพลังงานในฐานะหมวดสิ่งแวดล้อมอย่างโดดเดี่ยว หากมองมันเป็น “แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม” สำหรับสร้างกำลังผลิตคุณภาพสูงของประเทศ วันนี้เมื่อจีนเร่งผลิตและติดตั้งพลังงานสะอาดในประเทศจำนวนมหาศาล อุตสาหกรรมต้นนํ้าและกลางนํ้าจะเติบโตพร้อมกัน โรงงานผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักรเฉพาะทาง และซอฟต์แวร์ระบบควบคุมจะมีตลาดรองรับ การลงทุนวิจัยและพัฒนาจึงไม่ใช่ต้นทุนที่ลอยหาย หากเชื่อมเข้ากับสายการผลิตจริงและการใช้งานจริงในเมือง โรงงาน และท่าเรือ ความเชื่อมโยงนี้เองที่ทำให้ “นวัตกรรมที่แปลงเป็นมูลค่าได้” กลายเป็นสิ่งสำคัญของทศวรรษหน้านี้

มองแผนพัฒนา 5 ปีจีน ก้าวทะยานสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว

สำหรับประเทศไทย แผนพลังงานใหม่ของจีนไม่ได้เป็นเพียงข่าวสารทั่วไป หากเป็นกระจกสะท้อนจังหวะใหม่ของภูมิภาค โอกาสของไทยอยู่ตรงการ “ต่อสาย” เข้ากับห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่กำลังหนาแน่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับพลังงานหมุนเวียนและโครงข่าย การประกอบและซ่อมบำรุงชิ้นส่วนสำคัญ การพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบควบคุม ไปจนถึงบริการทดสอบและรับรองมาตรฐานที่เชื่อมได้ทั้งตลาดจีนและอาเซียน การตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่และมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการชาร์จสองทิศทางจะทำให้ไทยเป็นประตูรับ-ส่งเทคโนโลยีของภูมิภาค ขณะเดียวกัน ระบบรีไซเคิลและการใช้งานแบตเตอรี่ระยะที่สองสำหรับกักเก็บพลังงานในอาคารและนิคม จะช่วยลดต้นทุนและทำให้เศรษฐกิจพลังงานสะอาดของไทยหมุนเวียนได้จริง

เมื่อมองภาพรวม อาจกล่าวได้ว่าแผนฉบับที่ 15 ของจีนคือการรีดีไซน์ระบบพลังงานให้เป็นฐานของเศรษฐกิจใหม่ที่สะอาด ยืดหยุ่น และแข่งขันได้ ลมและแสงอาทิตย์ให้พลังงานราคาจับต้องได้ ไฮโดรเจนเติมเต็มภาคส่วนที่ยากต่อการลดคาร์บอน และระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่รวมพลังของผู้ใช้และรถยนต์ไฟฟ้าให้กลายเป็นตัวช่วยของระบบพลังงาน

วันนี้หากไทยเรียนรู้ให้เร็ว ลองผิดลองถูกอย่างมีระบบ และลงทุนกับมาตรฐาน คน และระบบนิเวศธุรกิจอย่างจริงจัง โอกาสที่พลังงานใหม่จะกลายเป็นเศรษฐกิจใหม่ของไทยก็จะไม่ใช่ภาพฝันไกล แต่เป็นเส้นทางที่เดินได้จริงในห้าปีข้างหน้าพร้อม ๆ กับจีน

บทความโดย : รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว

คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์