In Brief
มาเลเซียกำลังวางแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ปรับระบบการออกใบอนุญาต และเตรียมความพร้อมสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอน โดยตั้งเป้าสู่การเป็น “อุตสาหกรรมสีเขียวเต็มรูปแบบ” ภายในปี 2050 ตามที่ เต็งกู ซาฟรุล อาซิซ รัฐมนตรีการค้า กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
โรดแมประยะ 10 ปีนี้ครอบคลุมถึงการกำหนดแนวทางการออกใบอนุญาตที่ชัดเจนสำหรับผู้ผลิต การจัดทำกรอบกำหนดราคาคาร์บอนและความโปร่งใส ตลอดจนการขยายช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
เต็งกู ซาฟรุล ระบุว่า เหล็กเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนเข้มข้นที่สุดของมาเลเซีย ทำให้เผชิญความเสี่ยงต่อมาตรการกีดกันทางการค้า และทำให้การลดการปล่อยคาร์บอนกลายเป็นสิ่งจำเป็น
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยังเผชิญปัญหาความไม่สมดุลของอุปทานและอุปสงค์ในประเทศ โดยคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตต้นน้ำอาจพุ่งแตะ 40.8 ล้านตันภายในปี 2030 ขณะที่ความต้องการใช้จริงอยู่ที่เพียง 14.7 ล้านตัน
ช่องว่างนี้สะท้อนถึงปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ทรัพย์สินถูกใช้งานไม่เต็มศักยภาพ ผลตอบแทนการลงทุนต่ำ และสภาวะตลาดที่บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่น
เต็งกู ซาฟรุล ยังได้เสนอให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จัดตั้งฐานข้อมูลด้านกำลังการผลิตและการใช้งาน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน การทุ่มตลาด และการส่งผ่านสินค้า
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรพิจารณาพัฒนาหนทางการลดการปล่อยคาร์บอนร่วมกัน และสำรวจความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์กลางการผลิตเหล็กสีเขียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง