In Brief
เป็นความสำเร็จของโครงการพลังงานลมมอนซูน (Monsoon Wind Power Project) ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนข้ามพรมแดนแห่งแรกในเอเชีย
พัฒนาโดย บริษัท อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (IES) และถือหุ้น 85% โดยบริษัท อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเซีย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (IEAD) ที่มีบริษัท อิมแพค วินด์ อินเวสท์เมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (IES) ถือหุ้น 55% และบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 45% จัดตั้งบริษัท มอนสูน วินด์ พาวเวอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินงาน โดยได้เปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ COD) ไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 แล้วนั้น
ล่าสุด บริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (IES) ตอกยํ้าการขับเคลื่อนด้านพลังงานหมุนเวียน ได้ประกาศเดินหน้าโครงการพลังงานลมระยะที่ 2 และ 3 กำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ ที่คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2570
นายณัฐ หุตานุวัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (IES) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับสิทธิจากรัฐบาล สปป.ลาวในการพัฒนาพลังงานลม ขนาดกำลังผลิต 1,600 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ในปี 2554 ทางตอนใต้ของลาว ในแขวงเซกองและแขวงอัตตะปือ ซึ่งถือเป็น 1 ในโครงการที่รัฐบาล สปป.ลาวได้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ไว้กับรัฐบาลเวียดนาม เพื่อจัดหาพลังงานหมุนเวียน ปริมาณอย่างน้อย 8,000 เมกะวัตต์ ส่งไปให้เวียดนาม
ทั้งนี้ โครการพลังงานลมมอนซูน ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นโครงการพลังงานลมแห่งแรกของที่รัฐบาล สปป.ลาวได้ให้สัมปทานกับบริษัท ในเดือนธันวาคม 2565 และเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2566 และก่อสร้างแล้วเสร็จจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับประเทศเวียดนามได้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568
ในขณะที่การขับเคลื่อนโครงการพลังงานลม ในระยะที่ 2 และ 3 จะมีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการแรก ปัจจุบันได้รับสัญญาพัฒนาโครงการ (Project Development Agreement : PDA) จากรัฐบาลสปป.แล้ว และอยู่ระหว่างการกำลังอยู่ในช่วงการขออนุญาตนำไฟเข้าประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปสู่การลงนามซื้อขายไฟฟ้าหรือ PPA ต่อไป
สำหรับโครงการระยะที่ 2 และ 3 นี้ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หอราว 56,000 ล้านบาท จะประกอบไปด้วยกังหันลม ขนาด 6.5 เมกะวัตต์ รวมจำนวน 154 ต้น คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2570 และคาดว่าจะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์(COD) ได้ช่วงปี 2572-2573
ส่วนผู้พัฒนาโครงการพลังงานลม ระยะที่ 2 และ 3 นั้น ขณะนี้ IES ถือหุ้น 100% รวมถึงผู้รับเหมาคนเดิมในการก่อสร้าง และการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันเดิมต่าง ๆ ที่มีประสบการณ์จากการพัฒนาโครงการพลังงานลมมอนซูน มาแล้ว ซึ่งบริษัทจะศึกษาความเป็นไปได้ การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการจัดหาเงินทุน เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้
นายณัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการพลังงานลมมอนซูน กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมบนบกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ติดตั้งกังหันลมขนาดกำลังผลิต 4.5 เมกะวัตต์ จำนวน 133 ต้น จากบริษัท Envision Energy ครอบคลุมพื้นที่ภูเขาประมาณ 68,000 เฮกตาร์ในเขตดักเจือง แขวงเซกอง และเขตซานไซ แขวงอัตตะปือ ด้วยเงินลงทุนกว่า 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เช่นธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ในฐานะผู้จัดการโครงการหลัก ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) บริษัทสินเชื่อที่อยู่อาศัยฮ่องกง (HKMC) ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
สำหรับไฟฟ้าที่ผลิตได้จะ ส่งผ่านสายส่งแรงสูงระยะทาง 27 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้านาน 25 ปี คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 32.5 ล้านตันตลอดอายุโครงการ ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ประมาณ 7 ล้านคันออกจากถนนเป็นเวลาหนึ่งปี หรือการปลูกต้นไม้ประมาณ 59 ล้านต้น
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการพลังงานมอนซูน ยังนำมาซึ่งประโยชน์ในท้องถิ่น เพราะนับตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2566 โครงการ Monsoon Wind ได้สร้างงานอย่างน้อย 1,600 ตำแหน่ง กว่า 1,000 ตำแหน่งเป็นแรงงานจากสปป.ลาว และยังมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนประจำปี 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการศึกษา การดูแลสุขภาพ การเกษตร และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในหมู่บ้านโดยรอบ
มีโครงการริเริ่มในระยะแรก ๆ ได้แก่ ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนท้องถิ่นเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ การตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ที่นำแพทย์ และพยาบาลเข้าไปในหมู่บ้านห่างไกลในพื้นที่โครงการ และโครงการส่งเสริมอาชีพกาแฟ เช่น การแจกจ่ายต้นกล้า การฝึกอบรม และการแบ่งปันเทคนิคเพื่อปรับปรุงผลผลิตและรายได้ของครัวเรือน เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง