net-zero

Yunlin บทพิสูจน์พลังงานลม “เอ็กโก” ลุยลงทุนต่อเนื่องในไต้หวัน หนุนพลังงานหมุนเวียน

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ได้กำหนดกลยุทธ์การดําเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) ด้วยการขับเคลื่อนภายใต้ “Triple P”

ประกอบด้วย Profitability and Performance Energizing การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกําไรอย่างยั่งยืน Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องเป็นหลัก

Yunlin บทพิสูจน์พลังงานลม “เอ็กโก” ลุยลงทุนต่อเนื่องในไต้หวัน หนุนพลังงานหมุนเวียน

และ Portfolio and People Management บริหารพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการสร้างรายได้และนํามาลงทุนใหม่ (Asset Recycling) การนํานวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

มีเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ภายในปี 2583 และบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลง 10 % และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573

Yunlin บทพิสูจน์พลังงานลม “เอ็กโก” ลุยลงทุนต่อเนื่องในไต้หวัน หนุนพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้ เอ็กโกมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมปีละ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,653 เมกะวัตต์ รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,450 เมกะวัตต์ คิดเป็น 22% ของกำลังผลิตทั้งหมด จากการลงทุนใน 7 ประเทศ

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” เพื่อให้บรรลุการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30 % ภายในปี 2573 นั้น ไต้หวันถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังผลิตประมาณ 600 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในปี 2568 นี้

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

การให้ความสำคัญลงทุนในไต้หวัน เนื่องจากมีแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าหรือแผนพีดีพีที่ชัดเจน ซึ่งมีเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนราว 15% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยเป็นสัดส่วนพลังงานลมนอกชายฝั่งถึง 20,700 เมกะวัตต์ ภายในปี 2578 ประกอบกับอัตราค่าไฟฟ้าที่ซื้อขายมีผลตอบแทนของโครงการค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะลงทุนในไต้หวันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เห็นได้จากเอ็กโก ประสบความสำคัญในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ที่ไต้หวัน ดำเนินงานโดย บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Skyborn Renewables ถือหุ้น 31.98% TotalEnergies ถือหุ้น 29.46% EGCO Group ถือหุ้น 26.56% และ Sojitz Corporation ถือหุ้น 12%

Yunlin บทพิสูจน์พลังงานลม “เอ็กโก” ลุยลงทุนต่อเนื่องในไต้หวัน หนุนพลังงานหมุนเวียน

ปัจจุบันโรงไฟฟ้า Yunlin เปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า 2,400 ล้านหน่วยต่อปี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมณฑลหยุนหลินในไต้หวันเป็นระยะทางประมาณ 8-17 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของนํ้าทะเลในช่วง 7-35 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยกังหันลม 80 ต้น กำลังผลิตต้นละ 8 เมกะวัตต์ มีกำลังการผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนของเอ็กโก กำลังผลิต 170 เมกะวัตต์)

ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าของไต้หวันผ่านสถานีไฟฟ้าบนฝั่ง 2 แห่ง บริเวณตำบลไถซีและซื่อหู ในมณฑลหยุนหลิน เพื่อขายให้กับ Taiwan Power Company (TPC) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนไต้หวันมากกว่า 600,000 หลังคาเรือน คิดเป็น 90% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนทั้งหมดของมณฑลหยุนหลิน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทเฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีแรก

โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม- พฤษภาคม 2568) โรงไฟฟ้า Yunlin มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) สูงถึง 35% เป็นการยืนยันถึงศักยภาพของพลังงานลมในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและการสร้างรายได้ในอนาคต เนื่องจากหลังจากสิ้นสุดสัญญาแล้ว ยังสามารถผลิตไฟฟ้าขายในรูปแบบอื่นๆ เช่น Private PPA ได้อีกด้วย

ในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าที่ซื้อขายในช่วง 10 ปีแรก จะอยู่ที่ราว 7.1 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย และช่วง 10 ปีหลังจะอยู่ที่ ราว 3.5 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย

“ความสำเร็จจากการลงทุนใน Yunlin ถือเป็นการสร้างโอกาสต่อ ยอดการลงทุนโครงการอื่น ๆ ให้กับเอ็กโก ในไต้หวัน จากการมีประสบการณ์ มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ สูงเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง อีกทั้งโครงการดังกล่าวต้องเผชิญกับความท้าทาย

ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาด้านเทคนิคในช่วงก่อสร้างจากสภาพอากาศแปรปรวน ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ก็สามารถดำเนินโครงการจนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ถือเป็นบทพิสูจน์ ความมุ่งมั่น และความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันจนกลายเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ของไต้หวัน”

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของไต้หวัน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งนักลงทุนสามารถหาอุปกรณ์สำหรับติดตั้งโรงไฟฟ้าทั้งหมดได้ในไต้หวัน อีกทั้งภาครัฐออกนโยบายสนับสนุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนอยู่เป็นระยะ เช่น การจัดหาพื้นที่พัฒนาโครงการ (Zonal Development) โดยมีการให้ส่วนเพิ่มค่าไฟรับซื้อส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ของประเทศได้สูงสุด ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลไต้หวันได้สนับสนุนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในรูปแบบการซื้อไฟแบบ Feed in Tarft (FiT) โดยจะประกาศค่าไฟฟ้าในแต่ละปีตามสถานการณ์เศรษฐกิจและต้นทุนของการทำโครงการ

สำหรับปี 2566 อัตราค่าไฟฟ้า FiT ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดตํ่ากว่า 30 KW มีค่า 7.411 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย NTD/kWh และหากมีขนาดใหญ่กว่า 30 KW มีค่า FiT 2.1286 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย และสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง มีอัตราค่าไฟ FiT 4.5085 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย