net-zero

กรุงศรีพร้อมเป็นพันธมิตรบริษัทมุ่ง ESG เคลื่อนการเงินยั่งยืน

    กรุงศรีชี้ประโยชน์ธุรกิจมุ่งสู่สีเขียว พร้อมเป็นพันธมิตรบริษัทปรับสู่ ESG เคลื่อนการเงินยั่งยืน ผ่าน 3 ประเด็นหลัก ทำงานใกล้ชิด ธปท.

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อเรื่อง “Sustainable Finance and Banking" ในงานสัมมนา ROAD TO NET ZERO 2025 จัดโดยฐานเศรษฐกิจ ว่า ธนาคารไม่ใช่เพียงผู้ให้กู้ แต่กำลังกลายเป็น "พาร์ทเนอร์กับทุกบริษัท" ในการลดภาวะโลกร้อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกชนิดมีผลโดยตรงต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ ธนาคารในฐานะตัวกลางทางการเงิน มีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจลูกค้าเกี่ยวกับ ESG และ Net Zero ซึ่งเป็นคำถามสำคัญที่ถูกถามอยู่เสมอในการพิจารณาสินเชื่อ

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ Driving Force หรือสาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทและลูกค้าหันมาให้ความสำคัญกับ ESG ได้แก่ 

คุณค่าทางเศรษฐกิจ (Economic Value) 

แม้ทุกคนจะรักโลก แต่หากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมไม่ช่วยประหยัดต้นทุนก็ยากที่จะมีใครทำ ตัวอย่างเช่น สินเชื่อ Solar Rooftop ได้รับความนิยมมากเพราะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงจูงใจหลักก่อนเรื่องการรักษ์โลก

แรงกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Pressure from Stakeholders) 

บริษัทที่ทำการค้ากับต่างประเทศมักไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรับตัว เพราะลูกค้าในต่างประเทศต้องการเห็น Net Zero Pathway หรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่มีก็จะไม่ทำการค้าด้วย 

ข้อบังคับจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ

บริษัทข้ามชาติมักกำหนดเป้าหมาย Net Zero ในระดับบริษัทแม่ และบังคับให้บริษัทลูกในประเทศต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตาม ธนาคารจึงมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดก๊าซคาร์บอน

กฎระเบียบ (Regulations)

แม้รัฐบาลไทยยังคงใช้แนวทางสมัครใจในการเดินหน้าสู่ Net Zero แต่ก็มีกฎหมายที่กำลังจะออกมา เช่น พระราชบัญญัติสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ. สภาพภูมิอากาศ) และเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึง Taxonomy (การจัดหมวดหมู่กิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการกำกับการดำเนินงานของธนาคาร

“การทำ ESG ไม่ควรมองว่าเป็นต้นทุน แต่เป็นการ "ลงทุน" (Investment) ที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผู้ที่เริ่มต้นทำก่อนจะได้เปรียบและสามารถหาตลาดใหม่ ๆ ได้”

ประโยชน์ของการทำ ESG 

นอกจากนี้ นายประกอบ ยังกล่าวว่า บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดีจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารและตลาดทุนได้ง่ายกว่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว (Increased Efficiency & Cost Reduction) อีกทั้ง ยังถือเป็นความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Resilience) เพราะบริษัทใหญ่ที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย Net Zero จำเป็นต้องมีซัพพลายเออร์ที่มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่แนวทางการดำเนินงานของธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น มี 3 ประเด็นหลักในการขับเคลื่อนเรื่องการเงินยั่งยืน

1. ทำงานร่วมกับองค์กรและหน่วยงานภายนอก

  • องค์กรระหว่างประเทศ (MUFG, ADB, IFC): นำความรู้และแนวปฏิบัติเรื่อง Green Finance มาใช้ในไทย เช่น Carbon Capture Storage หรือการให้กู้ร่วม
  • หน่วยงานในประเทศ (ธปท., ตลาดหลักทรัพย์, ก.ล.ต.): ทำงานใกล้ชิดเพื่อแบ่งปันข้อมูลและเรียนรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่อง Taxonomy ของ ธปท. (เฟส 1: Energy & Transportation, เฟส 2: Manufacturing, Agriculture, Real Estate, Construction, Waste Management)

2. การปรับเปลี่ยนภายในของธนาคารเอง

  • การประเมินและเปิดเผยข้อมูล (TCFD): ต้องเข้าใจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของพอร์ตสินเชื่อ (Financed Emission Baseline) และมีแผนลดที่ "ลดแบบจริงจัง" เพื่อให้อุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส
  • ตั้งเป้าหมายและแผนปฏิบัติการ: แบ่งพอร์ตสินเชื่อเป็น Green, Amber, Red และมีเป้าหมายลดสินเชื่อที่เป็น "สีแดง" และ "สีเหลือง" ให้เร็วที่สุด
  • ป้องกัน Greenwashing: ต้องมีกระบวนการตรวจสอบและวัดผลข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

3. การสนับสนุนลูกค้า

  • Internal Alignment: ช่วยเชื่อมโยงหน่วยงานด้านความยั่งยืนและฝ่ายการเงินของลูกค้า เพื่อให้มีการวางแผน ESG ที่สามารถได้รับการสนับสนุนจากธนาคารและนักลงทุน
  • Global/Local Insights: แบ่งปันตัวอย่าง Best Practice จากบริษัทในต่างประเทศและในประเทศ
  • Financial Solutions: นำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่หลากหลาย เช่น Green Finance, Blue Finance, Sustainability-Linked Bond/Loan (มีการปรับดอกเบี้ยตาม KPI การลดก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า)
  • Reporting & Verification: มีกระบวนการรายงานผลและตรวจสอบความคืบหน้าของลูกค้า
  • Capacity Building: จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ESG แก่ลูกค้า เช่น ESG Awards และ Symposium

ทั้งนี้ นายประกอบทิ้งท้ายว่า เส้นทางสู่เป้าหมาย Net Zero (สำหรับปี 2050 หรือ 2065) นั้นยังอีกยาวไกล อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็น ความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ผู้ที่ลงมือทำก่อนจะได้รับประโยชน์เชิงกลยุทธ์และสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ได้