กลุ่มงานโกลบอล มาร์เก็ตส์ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายผันผวนในช่วง 33.55-34.99 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 5 เดือน ก่อนจะพลิกกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก
เงินยูโรแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี หลังจากสหรัฐฯและจีนยกระดับความรุนแรงในสงครามการค้าระหว่างกัน แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะระงับการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับอีกหลายประเทศเป็นเวลา 90 วัน
ตลาดหุ้นโลกและพันธบัตรสหรัฐฯเหวี่ยงตัวผันผวนสูง หลังรัฐบาลสหรัฐฯปรับทิศทางมาตรการอย่างไม่คาดคิด ทางด้านค่าเงินหยวนจีนในประเทศร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2550/51 ขณะที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีเพิ่มจากจีนเป็น 145% หลังจากจีนตอบโต้ด้วยอัตราภาษี 125%
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 2,248 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 5,521 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ จะยังคงเป็นประเด็นชี้นำสำคัญ โดยเฉพาะหากมีการตั้งคําถามมากขึ้นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่ได้รับสถานะปลอดภัยที่สุดในภาวะตลาดปั่นป่วน
เห็นได้จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์)ระยะยาวพุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นสหรัฐฯร่วงลงท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ประกอบกับการดิ่งลงของยีลด์ที่แท้จริงของพันธบัตรสหรัฐฯรุ่นระยะสั้นถ่วงดอลลาร์ลงอย่างมีนัยสำคัญอีกทางหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ประกาศจากทรัมป์ เพื่อผ่อนผัน Reciprocal Tariff สำหรับผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีบ่งชี้ว่า วงในทำเนียบขาวขาดแนวคิดเชิงยุทธ์ศาสตร์ต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเวลาเดียวกัน แผนลดภาษีภายในเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการคลังสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ผู้ร่วมตลาดจะติดตามการเข้าสู่โต๊ะเจรจาของประเทศต่างๆระหว่างช่วงระงับภาษีนำเข้า รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 2.25% ในการประชุมวันที่ 17 เมษายน
สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยส่งจดหมายชี้แจงต่อกระทรวงการคลังกรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหลุดขอบล่างของกรอบเป้าหมาย เรามองว่า ผลจากสงครามการค้าและความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจจะชัดเจนมากขึ้นในระยะถัดไป เปิดทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในปีนี้