net-zero

ทั่วโลกหนุนสนธิสัญญาพลาสติก อาเซียนร่วมเเค่ 2 ชาติ ไร้ไทย

    กว่า 90 ประเทศ ประกาศจุดยืนร่วมผลักดันสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย อาเซียนมีเพียง 2 ประเทศร่วมลงชื่อ กัมพูชาและฟิลิปปินส์ ขณะที่ไทยไม่อยู่ในรายชื่อ

นักเคลื่อนไหวแสดงความยินดีกับถ้อยแถลงร่วมจากรัฐบาลกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ที่สนับสนุนสนธิสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติกระดับโลก ถ้อยแถลงดังกล่าวมีชื่อว่า เสียงปลุกจากนีซเพื่อสนธิสัญญาพลาสติกที่ทะเยอทะยาน ซึ่งเผยแพร่ในการประชุมมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติที่ประเทศฝรั่งเศสโดยเตือนว่าสนธิสัญญาว่าด้วยพลาสติกที่มีประสิทธิภาพนั้นมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน การเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาระดับโลกเพื่อลดมลพิษจากพลาสติกได้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และมีกำหนดจะเริ่มต้นอีกครั้งที่นครเจนีวา

ถ้อยแถลงฉบับใหม่นี้เรียกร้องให้มีพันธกรณีทางกฎหมายเพื่อยุติการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกและสารเคมีที่เป็นปัญหามากที่สุด รวมถึงอีกพันธกรณีหนึ่งที่มุ่งปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติก เเละ ยังเตือนด้วยว่า สนธิสัญญาที่อาศัยมาตรการโดยสมัครใจ หรือไม่ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของพลาสติก จะไม่สามารถจัดการกับปัญหามลพิษพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อริน ไซมอน รองประธานฝ่ายขยะพลาสติกและธุรกิจ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กล่าวว่า ถ้อยแถลงนี้ส่งสัญญาณเชิงบวกว่า ขณะนี้มีการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งต่อการจัดทำสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย

เเละกล่าวเสริมว่า ในอีกเพียงสองเดือนก่อนการเจรจารอบถัดไปจะเริ่มขึ้น สิ่งสำคัญคือประเทศต่าง ๆ ต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วยความพร้อมในการทำงานเพื่อสนธิสัญญาที่ทั้งประชาชนและโลกสมควรได้รับ

ผู้คนนับล้านทั่วโลกได้เรียกร้องให้มีทางออกต่อวิกฤตมลพิษพลาสติก และแม้วันนี้จะเป็นก้าวที่ถูกทาง แต่เราต้องผลักดันต่อไปสู่ข้อตกลงที่มีความหมายและยั่งยืนในเจนีวา

ร็อบ ออปโซเมอร์ ผู้นำด้านพลาสติกและการเงิน มูลนิธิเอลเลน แมคอาเธอร์ กล่าวว่า ถ้อยแถลงนี้สะท้อนความพยายามระดับโลกเพื่อยุติมลพิษพลาสติก และย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

ออปโซเมอร์กล่าวว่า การระบุประเด็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไว้ในหัวข้อสำคัญที่จะนำไปสู่ข้อตกลงนั้น ถือว่ามีผลกระทบอย่างมาก

เนื่องจาก การออกแบบถือเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษพลาสติก และน่ายินดีที่เห็นประเทศส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างผลกระทบที่มีความหมายและยั่งยืนเพื่อต่อสู้กับมลพิษพลาสติก

เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ เห็นพ้องกันต่อสนธิสัญญาในเจนีวาที่สามารถพลิกสถานการณ์มลพิษพลาสติก เปิดทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างชัดเจนทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ

โจดี้ รูเซลล์ หัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะระดับโลกด้านบรรจุภัณฑ์และความยั่งยืนแห่งบริษัทเนสท์เล่ และประธานร่วมของกลุ่มพันธมิตรธุรกิจเพื่อสนธิสัญญาพลาสติกโลก กล่าวว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวยังส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลต่าง ๆ พร้อมที่จะยึดมั่นต่อการจัดทำกฎระเบียบที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

ทั่วโลกหนุนสนธิสัญญาพลาสติก อาเซียนร่วมเเค่ 2 ชาติ ไร้ไทย

ทั่วโลกหนุนสนธิสัญญาพลาสติก อาเซียนร่วมเเค่ 2 ชาติ ไร้ไทย

5 ข้อ เจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก

ประเทศต่าง ๆ ตระหนักว่าการจัดการปัญหามลพิษจากพลาสติกต้องครอบคลุมตลอดทั้งวงจรชีวิตของพลาสติก ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการบริโภค พร้อมเรียกร้องให้มีการกำหนดเป้าหมายระดับโลกในการลดการผลิตพลาสติกดิบ (primary plastic polymers) ให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน

เรียกร้องให้มีข้อผูกพันทางกฎหมายในการเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกและสารเคมีที่เป็นปัญหามากที่สุด พร้อมสนับสนุนการควบคุมรายชื่อผลิตภัณฑ์พลาสติกและสารเคมีในระดับโลก โดยให้คำนึงถึงบริบทของแต่ละประเทศ

เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีกฎหมายรองรับในกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และคำนึงถึงสุขภาพของมนุษย์เป็นหลัก เช่น การลดการใช้สารเคมีที่น่ากังวล การเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิลได้หรือสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

ตระหนักถึงความจำเป็นของการมีวิธีดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม โดยต้องคำนึงถึงสถานการณ์พิเศษของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเกาะเล็ก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนภายใต้หลักการ "ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย" (Polluter Pays Principle)

เรียกร้องให้สนธิสัญญาที่กำลังจะจัดทำมีลักษณะที่ทะเยอทะยาน มีประสิทธิภาพ และสามารถปรับตัวได้ตามหลักฐานและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในอนาคต โดยเปิดให้มีการตัดสินใจตามกระบวนการขององค์การสหประชาชาติ หากการหาฉันทามติไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม หากสนธิสัญญานี้ขาดองค์ประกอบดังกล่าว และยังคงพึ่งพามาตรการสมัครใจ หรือไม่ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของพลาสติก ก็จะไม่สามารถยุติวิกฤตมลพิษพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ