บพท.ปั้น "สระบุรีฟู้ดวัลเลย์" สร้างความมั่นคงอาหารเสริมรายได้เกษตรกร

25 ก.ค. 2566 | 02:00 น.

บพท.ปั้น "สระบุรีฟู้ดวัลเลย์" สร้างความมั่นคงอาหารเสริมรายได้เกษตรกร มุ่งแก้โจทย์ของเกษตรกรที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของจังหวัด ที่ขายผลผลิตไม่ได้ราคา เพื่อทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม

นายนพดล ธรรมวิวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย บริษัทสระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัย จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เปิดเผยว่า ได้มีการดำเนินการพัฒนาจังหวัดสระบุรีให้เป็นหุบเขาแห่งอาหาร หรือ “สระบุรีฟู้ดวัลเลย์” เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับรายได้ของเกษตรกร ไปพร้อมๆกับการสร้างความมั่นคงด้านอาหารแก่ประเทศ 

ทั้งนี้ แรงบันดาลใจในการทำวิจัยเรื่องดังกล่าวนี้ เพื่อมุ่งค้นหาคำตอบแก้โจทย์ของเกษตรกรที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของจังหวัด ที่ขายผลผลิตไม่ได้ราคา เพื่อทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม และมีความมั่นคงด้านรายได้ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกันของบริบททางภูมินิเวศน์  ภูมิสังคม ตลอดจนวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่

สำหรับกระบวนการขึ้นรูปโครงการวิจัยสระบุรีพัฒนาเมืองที่มีแนวคิดสระบุรีฟู้ดวัลเลย์เป็นแกนกลาง เป็นผลพวงจากการพูดคุยปรึกษาหารือร่วมกับหลายภาคีในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองท้องถิ่น ประชาสังคม รวมทั้งนักวิชาการ จนได้ข้อสรุปร่วมกัน เนื่องจากจังหวัดสระบุรีมีจุดแข็งที่โดดเด่น 3 ประการที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาเมือง ตามแนวคิดสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ ได้แก่

  • สระบุรีเป็นฮับโลจิสติกส์ เป็นศูนย์กลางขนส่งที่เชื่อมต่อโดยเฉพาะระบบราง 
  • เกษตรกร ในจังหวัดสระบุรีมีผลผลิตทางด้านการเกษตรที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งข้าว ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ผัก ผลไม้ โคนม ไก่  ซึ่งเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานด้านอาหาร 
  • จังหวัดสระบุรี มีศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่แก่งคอย มีองค์ความรู้ที่สามารถสร้างประโยชน์ในการยกระดับหรือสร้างนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตการเกษตร 

บพท.ปั้น สระบุรีฟู้ดวัลเลย์ สร้างความมั่นคงอาหารเสริมรายได้เกษตรกร

อย่างไรก็ดี กลไกกระบวนการพัฒนาแนวคิด "สระบุรีฟู้ดวัลเลย์" ให้เป็นรูปธรรม จะดำเนินการโดยสร้างห่วงโซ่คุณค่าขึ้นมา ซึ่งมีกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่  ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แก่งคอย  กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมอยู่ในห่วงโซ่  โดยมุ่งเน้นให้ห่วงโซ่นี้เป็นห่วงโซ่ที่จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Net Zero และเป็นห่วงโซ่ที่จะเหนี่ยวนำให้คนสระบุรีกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน

นายนพดล กล่าวอีกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีให้ความสำคัญกับโครงการสระบุรีฟู้ดวัลเลย์อย่างมาก โดยบรรจุเป็นแผนยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของจังหวัด ขณะเดียวกันภาคีภาคเอกชนทั้งหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด  ชมรมธนาคารในจังหวัด รวมทั้งเทศบาลเมืองสระบุรี  เทศบาลเมืองแก่งคอย ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นภาคีขับเคลื่อนโครงการ 

โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นคือการทำข้อมูลศึกษาและวิจัยเพื่อหาว่าทิศทางหรือสิ่งที่จะทำในอนาคต ส่วนขั้นตอนที่สองคือรวบรวมกลุ่มคนที่มาเป็น Stakeholder คือ ผู้ประกอบการทางด้านอาหาร และกลุ่มเกษตรกรที่อยากจะเป็น Smart Farmer ในอนาคต โดยสองกลุ่มนี้มีจำนวนรวมประมาณ 30  คน

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญที่เป็นปัจจัยความสำเร็จของสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ อยู่ที่การจัดหาพื้นที่ขนาดประมาณ 5,000 ไร่ ในทำเลที่สะดวกในการเชื่อมโยงกับระบบโครงข่ายคมนาคม และมีแหล่งน้ำสำรองที่เพียงพอสำหรับรองรับการเกิดขึ้นของสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและออกแบบระบบสิทธิประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน

นายนพดล กล่าวต่อไปอีกว่า ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการบริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด มีอยู่ด้วยกัน 4 ประการคือ

  • ความอยู่ดีกินดีของประชาชน 
  • ความถูกต้อง แม่นยำ และเป็นปัจจุบันของโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลขององค์กรปกครองท้องถิ่น หรือ City Data Platform (CDP) 
  • สุขภาวะและสิ่งแวดล้อม  
  • การศึกษาที่สอดคล้อง และเท่าทันกับบริบทสังคม และบริบทของโลกที่แปรเปลี่ยนไป