environment

ปี 2025 ต้นทุนโลกร้อนพุ่ง ภัยพิบัติ 10 เหตุการณ์ สูญ 1.2 แสนล้านดอลลาร์

In Brief

  • ในปี 2025 ภัยพิบัติทางสภาพอากาศ 10 เหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดทั่วโลก สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายสูงสุดคือไฟป่าลอสแอนเจลิส (กว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์) ตามมาด้วยอุทกภัยจากพายุไซโคลนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (2.5 หมื่นล้านดอลลาร์)
  • รายงานระบุว่าภาวะโลกร้อนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภัยพิบัติเหล่านี้มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้น โดยทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์

ภัยพิบัติสภาพภูมิอากาศที่มีต้นทุนสูงสุด 10 อันดับแรก ครอบคลุมเหตุไฟป่า พายุไซโคลน ฝนตกหนักและน้ำท่วม รวมถึงภัยแล้ง ใน 4 ทวีป โดยรวมสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ 

คลื่นความร้อนทำลายสถิติ พายุหมุนเขตร้อน และปริมาณฝนที่รุนแรง ทำให้ปี 2025 กลายเป็นหนึ่งในปีที่มีต้นทุนจากภัยพิบัติสภาพภูมิอากาศสูงที่สุด ตามรายงานฉบับใหม่

รายงานดังกล่าวจัดทำโดยองค์กร Christian Aid และเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์ภัยพิบัติสภาพภูมิอากาศที่มีต้นทุนสูงที่สุดของปีนี้ทั่วโลก โดยอ้างอิงหลักจากการประเมินมูลค่าความสูญเสียของบริษัทประกัน Aon รายชื่อ 10 อันดับแรกประกอบด้วยเหตุไฟป่า พายุไซโคลน เหตุฝนตกหนักและน้ำท่วม รวมถึงภัยแล้งใน 4 ทวีป ซึ่งรวมกันสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ 

เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายสูงสุดคือไฟป่าลอสแอนเจลิสในเดือนมกราคม มีรายงานผู้เสียชีวิตโดยตรง 31 ราย อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคมพบว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีกราว 400 ราย จากปัจจัยที่เชื่อมโยงกับไฟป่า เช่น คุณภาพอากาศที่เลวร้าย และความล่าช้าในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข นักวิจัยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยที่กระพือไฟป่าเหล่านี้ ซึ่งสร้างความเสียหายรวมมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับพายุและอุทกภัยรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,800 ราย ในหลายประเทศของเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากพายุหมุนเขตร้อน 2 ลูกที่ทับซ้อนกันและพัดถล่มภูมิภาคสุมาตราของอินโดนีเซีย และคาบสมุทรมาเลเซียพร้อมกัน ส่งผลให้น้ำท่วมสร้างความเสียหายราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

นับเป็นภัยพิบัติสภาพภูมิอากาศที่มีต้นทุนสูงเป็นอันดับ 2 ในรายชื่อของ Christian Aid และยังเป็นหนึ่งในภัยพิบัติด้านสภาพอากาศที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ โดยเกิดขึ้นในภูมิภาคที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เหตุการณ์น้ำท่วมในจีน อินเดีย ปากีสถาน และรัฐเทกซัสของสหรัฐฯ ก็อยู่ในรายชื่อเช่นกัน รวมถึงพายุหมุนเขตร้อน 4 ลูก โดยพายุที่มีต้นทุนสูงสุดคือเฮอริเคนเมลิสซาในแคริบเบียน ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีความรุนแรงสูงเป็นอันดับ 3 เท่าที่เคยมีการบันทึก และมีความรุนแรงสูงสุดขณะขึ้นฝั่งในลุ่มแอตแลนติก ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

การสูญเสียที่ยากต่อการประเมินมูลค่า เช่น ความเสียหายต่อวิถีชีวิต รายได้ที่สูญหาย ความเสียหายระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม และการอพยพถิ่นฐานถาวรของประชาชน ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในการวิเคราะห์ของ Christian Aid ด้วยเหตุนี้ องค์กรการกุศลระบุว่า “ต้นทุนที่แท้จริงของภัยพิบัติเหล่านี้มีแนวโน้มสูงกว่าตัวเลขความเสียหายที่มีการประกันอย่างมาก”

ทศวรรษที่ร้อนที่สุด

ภาวะโลกร้อนซึ่งมีสาเหตุหลักจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้ความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบางประเภทเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม รวมถึงน้ำท่วม ฝนตกหนัก พายุ และภัยแล้ง

สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งของความเข้มข้นก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ โลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึก โดยปี 2024 ครองอันดับร้อนที่สุด ขณะที่ปี 2025 คาดว่าจะร้อนเป็นอันดับ 2 หรือ 3 และปี 2026 มีแนวโน้มติดอันดับ 4 ปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์