รู้จัก “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ขึ้นแท่น "รมว.พลังงาน" ครม.เศรษฐา 1

02 ก.ย. 2566 | 04:43 น.

รู้จัก “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ขึ้นแท่น "รมว.พลังงาน" ครม.เศรษฐา 1 หลังการหารือกันระหว่าง 11 พรรคร่วมรัฐบาล ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ให้แล้ว ทั้งประวัติการศึกษา และผลงานการทำงานที่ผ่านมา

ครม.ล่าสุด รัฐบาลเศรษฐา 1 ลงตัวทุกตำแหน่งแล้ว หลังมีพระบรมราชโองการประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี 

สำหรับหนึ่งกระทรวงที่ถูกจับตามากเป็นพิเศษก็คือ "กระทรวงพลังงาน" กระทรวงเกรดเอที่หลายคนต้องการเข้ามาคุมบังเหียน 

อย่างไรก็ดี รายชื่อได้เคาะออกมาแล้วว่าจะเป็น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่นั้นไม่มีการพลิกโผ พร้อมควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง

ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปทำความรู้จัก รมว.พลังงาน  ให้มากขึ้น 

ประวัติพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

  • วันเกิด : 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 
  • ชื่อเล่น : ตุ๋ย

"พีระพันธุ์" เป็นบุตรของ พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์และเจ้ากรมการพลังงานทหาร และโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: สุมาวงศ์) อดีตดาวจุฬาฯ คนแรก ส่วนชีวิตครอบครัว สมรสกับ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: โทณวณิก) มีบุตรธิดารวมกันทั้งหมด 4 คน 

การศึกษา

  • เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเดียวกับ “บิ๊กป้อม” 
  • ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
  • เนติบัณฑิตไทย ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา 
  • ปริญญาโท กฎหมายอเมริกันทั่วไป (LLM) 
  • ปริญญาโท ด้านกฎหมายเปรียบเทียบ (MCL) ที่มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา

สำหรับพีระพันธุ์นั้น มีประสบการณ์ทำงานเป็นผู้พิพากษาและข้าราชการตุลาการมาก่อนเข้าสู่สนามการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมทีมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ 

เคยได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 3 กรุงเทพมหานคร เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นฝ่ายค้าน ในปี 2550 นายพีระพันธุ์ ถูกรับเลือกให้ทำหน้าที่เป็น รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเงา และได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จริงๆ ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2551

ส่วนผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ การสอบสวนการทุจริต “ค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท” โดยถูกนำไปใช้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาลและประสบชัยชนะ และมีผลทำให้คนไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่พร้อมดอกเบี้ยกว่าหมื่นล้านบาท

ขณะที่จุดพลิกผันทางการเมืองของ "พีระพันธุ์" เกิดขึ้นเมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทำการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายอภิสิทธิ์ ภายหลังแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หลังการเลือกตั้งในปี 2562 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ได้ ส.ส.เพียง 52 ที่นั่ง โดยมีแคนดิเดตร่วมท้าชิงนั่นก็คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายกรณ์ จาติกวณิช นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยคนที่ได้รับการคัดเลือกคือ นายจุรินทร์

อย่างไรก็ตาม ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นายพีระพันธุ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะมีชื่อถูกแต่งตั้งให้ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 และย้ายสังกัดเข้าพรรคพลังประชารัฐซึ่งสร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ก่อนจะถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท การบินไทย ในปี 2563

จากนั้นในเดือนเมษายน 2565 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่ในเดือนสิงหาคม 2565 จะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเป้าหมายคือ จะรวบรวมคนทำงานทั้ง ส.ส. รุ่นใหม่ รุ่นเก่ามารับใช้ประชาชน