"ส.อ.ท." จี้ลดค่าไฟงวดปลายปีเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วย
"ส.อ.ท." จี้ลดค่าไฟงวดปลายปีเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วย ชี้ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยสูงขึ้น หลังหลุมเอราวัณทยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มค่าไฟงวด 3 หรืองวดสุดท้ายของปี 2566 (กันยายน-ธันวาคม) ว่า ค่าไฟฟ้างวด 3 ของปีควรลดลงกว่า 10% จากงวด 2(พฤษภาคม-สิงหาคม) หรือไม่เกิน 4.25 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.70 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ค่าไฟงวด 3 ลดลงมาจาก 5 ปัจจัย ประกอบด้วย
- ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยสูงขึ้น เนื่องจากหลุมเอราวัณทยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี
- ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)นำเข้าลดลง
- ราคาแอลเอ็นจีสปอต(ตลาดจร) ลดลงมากกว่า 30% ราคาไม่เกิน 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต จาก 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต
- ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- หนี้ของการไฟฟัาฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งงวด 1 ปีนี้(มกราคม-เมษายน) และงวด 2 ปีนี้ ลดลงเร็วกว่าแผนเพราะต้นทุนจริงของแอลเอ็นจีต่ำกว่าที่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)
ส่วนปัจจัยลบค่าไฟ มีแค่เรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ดังนั้นสิ่งที่เอกชนและ ประชาชนอยากเห็นในการบริหารค่าไฟฟ้าที่ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งด้วยภาระค่าเอฟที เป็นระบบคอสพลัสผลักเป็นภาระผู้บริโภค ดังนั้น ภาครัฐในทุกระดับควรมีแนวทางบริหารจัดการ ได้แก่
- ฝั่งนโยบาย ควรให้แนวทางบริหารที่เหมาะสม ในแต่ละสถานการณ์ อาทิ การแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายโรงไฟฟ้า , ปลดล็อคด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะโซลาร์และการเร่งจัดหาแอลเอ็นจีก่อนหน้าหนาวในยุโรป
- ฝั่งผู้ควบคุม ควรประสานผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง และเปิดเผยข้อมูล อาทิ สมมุติฐาน ต้นทุนต่างๆในการคำนวณเอฟที รวมทั้งพิจารณาการคาดการ์ต้นทุนที่เร็วกว่ารอตามงวด 4 เดือน
- ฝั่งผู้ปฏิบัติการ ควรมีส่วนร่วมบริหารแบบทีมเดียวกัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงาน ค่าไฟฟ้าของประเทศให้ดีที่สุด รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบตามหลักธรรมาภิบาล