energy

เค้กโรงไฟฟ้าสีเขียวรอบ 2 ฟัดเดือด ตีกันรายใหม่ร่วมประมูล

กกพ.เล็งเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว รอบ 2 ปริมาณ 3,668 เมกะวัตต์ มิ.ย.นี้ ปิดทางรายใหม่แบ่งเค้กให้สิทธิ์รายเดิมที่ไม่ผ่านเกณฑ์ยื่นเอกสารใหม่ ชี้แก้ปัญหาฟ้องร้อง กระทบโครงการลงทุนล่าช้า หวั่นรัฐบาลใหม่ลากยาว

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้าร่วม “โครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 -2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565” หรือเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวรวมทั้งสิ้น 175 ราย รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 4,852.26 เมกะวัตต์ จากผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้าพิจารณาทั้งสิ้น 386 ราย

แบ่งเป็นประเภท พลังงานลม จำนวน 22 ราย รวม 1,490.20 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้ไปมากที่สุด จำนวน 14 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 1,058.5 เมกะวัตต์ รองลงมาเป็นกลุ่มบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL 3 โคงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 196 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้มี GULF ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง

เค้กโรงไฟฟ้าสีเขียวรอบ 2 ฟัดเดือด ตีกันรายใหม่ร่วมประมูล

ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน(Battery Energy Storage System: BESS) ได้ผ่านการพิจารณา 24 ราย รวมปริมาณที่เสนอขายไฟฟ้า 994.06 เมกะวัตต์ กลุ่ม GULF ได้ผ่านการพิจารณา 12 โครงการ รวมปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 700.2 เมกะวัตต์ รองลงมาเป็นกลุ่ม GUNKUL 3 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 83.6 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้มี GULF ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง

ส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ได้ผ่านเข้าพิจารณา จำนวน 129 ราย รวม 2,368 เมกะวัตต์ เป็นกลุ่ม GULF ได้ผ่านเข้าพิจารณา จำนวน 6 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 301.71 เมกะวัตต์ กลุ่ม GUNKUL 12 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 568.8 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้มี GULF ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง เป็นต้น

อีกทั้ง ในส่วนของการเสนอขายไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 มีผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือก จำนวน 13 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 100 เมกะวัตต์ จากการพิจารณาทั้งสิ้น 18 ราย

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า ทั้ง 3 การไฟฟ้า จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกทราบและยอบรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ภายในวันที่ 19 เมษายน 2566 นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดรับซื้อไฟฟ้ารอบเพิ่มเติมอีกปริมาณไฟฟ้า 3,668.5 เมกะวัตต์ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เห็นชอบปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มอีก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566

โดยมีปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมได้ ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 6.5 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ ในขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) จะไม่เปิดรับซื้อ เนื่องจากจัดหาได้ครบตามเป้าหมายแล้ว

ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 -2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564-2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2) โดยให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้มีไฟฟ้าพลังงานทดแทน 9,996 เมกะวัตต์ ให้ปรับขึ้นเป็น 12,700 เมกะวัตต์ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากขึ้น

แหล่งข่าวจากวงการผู้ผลิตไฟฟ้า เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 รอบ 2 นี้ คาดว่าจะดำเนินการไม่เกินเดือนมิถุนายน 2566 นี้ โดยจะใช้เงื่อนไข หลักเกณฑ์ และราคาในการรับซื้อไฟฟ้า เช่นเดียวกับรอบแรก แต่จะไม่เปิดสิทธิ์ให้กับเอกชนรายใหม่หรือที่ไม่ได้ยื่นเสนอขายไฟฟ้าในรอบแรกเข้ามาร่วมประมูล เพื่อให้กับเอกชนรายเดิมที่เคยยื่นเสนอไฟฟ้าเข้ามาแล้ว แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ได้มีโอกาสยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เข้ามาอีกครั้ง แต่ก็มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าห้ามย้ายที่ตั้งของโรงไฟฟ้า

“จากรอบแรกมีผู้ยื่นเข้ามาทั้งสิ้น 670 ราย ปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขาย 17,400 เมกะวัตต์ แต่มีผู้เข้ารอบผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ 550 ราย (รวมผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ 27 ราย) และผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคขั้นต่ำ 318 ราย ปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขาย 7,729 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือ 230 ราย ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก”

มีการตั้งข้อสังเกตุว่า การที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มอีก 3,668.5 เมกะวัตต์ ดำเนินการเห็นชอบหลังจากทราบการพิจารณาผลเอกชนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ และนำไปสู่การร้องเรียน ซึ่งมีกว่า 10 ราย เห็นว่าเงื่อนไขการเปิดรับข้อเสนอรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรม โดยได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ยุติการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ดังนั้น เมื่อมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลเกิดขึ้นและหากเข้าสู่กระบวนการไต่สวน จะส่งผลให้โครงการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวมีความล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เช่นเดียวกับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน 150 เมกะวัตต์ ที่มีการถูกร้องเรียนตรวจสอบ ทำให้โครงการล่าช้ามาเกือบ 2 ปี

อีกทั้ง กระทรวงพลังงานต้องการให้โครงการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้าหรือพีพีเอ ให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งหากรอรัฐบาลใหม่ ก็จะทำให้โครงการมีความล่าช้าออกไป ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเอกชนในการขยายการลงทุน

อย่างไรก็ตาม การเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวรอบเพิ่มเติมนี้ น่าจะตกอยู่ในมือกลุ่มทุน เพราะเกิดกระแสว่ามีการเจรจาที่จะเข้าไปซื้อหรือร่วมทุนในโครงการต่างๆ ที่จะยื่นเสนอขายไฟฟ้าใหม่แล้ว

ส่วนการประมูลในรอบที่ 3 นั้น จะต้องรอดูความชัดเจนของแผนพัฒนากำลังการผลิตหรือพีดีพี ภายใต้พลังงานชาติ ที่จะประกาศใช้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ก่อนว่าจะมีการปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานสะอาดออกมาอย่างไร ซึ่งจะเป็นกำลังผลิตใหม่เข้ามาหลังจากปี 2573

อนึ่ง การลงนามยอมรับเงื่อนไข การไฟฟ้าฯ จะเป็นผู้ส่งหนังสือไปยังผู้ที่ผ่านเข้าร่วมโครงการทั้งหมด เพื่อให้ลงนามยอมรับเงื่อนไข โดยหากไม่ยอมรับเงื่อนไข ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ภายหลังลงนามยอมรับเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการจะต้องลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งตามกรอบของกพช. กำหนดให้ผู้ที่จะผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2567-2568 ต้องลงนาม PPA ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ลงนามยอมรับเงื่อนไขการไฟฟ้า ส่วนผู้ที่จะ COD ระหว่างปี 2569-2573 จะต้องลงนาม PPA ภายใน 2 ปี นับจากวันที่ลงนามยอมรับเงื่อนไขการไฟฟ้า

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3879 วันที่ 16 -19 เมษายน พ.ศ. 2566