KEY
POINTS
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ในประเทศไทย ควบคู่กับการยกระดับขีดความสามารถและเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ซัพพลายเชนยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก
โดยผ่านการดำเนินการร่วมกับสถาบันพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่ (China EV100) ซึ่งเป็นคลังสมอง (Think Tank) และเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดทิศทางนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลจีน
ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการจัดทำนโยบายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเสริมสร้างการแข่งขันที่สมดุลและเป็นธรรม การพัฒนาบุคลากรและระบบนิเวศทั้งด้านการผลิต การจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว การพัฒนาระบบอัดประจุไฟฟ้าและระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
การยกระดับผู้ประกอบการไทยผ่านความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ประกอบการจีน การสร้างกลไกสนับสนุนการร่วมลงทุนระหว่างจีน-ไทย การจัดกิจกรรมและเวทีความร่วมมือทั้งในประเทศไทยและจีน เช่น การจัด Thailand–China EV Forum ภายในงาน SUBCON Thailand ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี และการเข้าร่วมงาน China EV100 Forum ที่ประเทศจีน ในเดือนมีนาคมของทุกปี
“การดำเนินการดังกล่าวถือเป็น MOU ฉบับแรกที่ China EV100 ลงนามกับประเทศในอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ โดยจะช่วยให้ไทยเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก ทั้งด้านนโยบายและวิธีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีน รวมถึงเป็นสะพานเชื่อมผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน และเป็นช่องทางสะท้อนความคิดเห็นจากภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้การจัดทำนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ EV มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”
นายจาง หยงเหว่ย รองประธานและเลขาธิการ China EV100 กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งจีนและไทย โดย China EV100 จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของไทยในการเป็นศูนย์กลาง EV ในอาเซียน และส่งเสริมผู้ประกอบการจีนให้เพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทย รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และจีนให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จึงไม่กลัวเรื่องการถูกลอกเลียนแบบเหมือนกิจการอื่น ๆ อีกทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกิดการผลิตที่ไทย จะช่วยลดความเสี่ยงจากการออกไปลงทุนในต่างประเทศ และยังสามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตออกสู่ตลาด จึงมีโอกาสสูงที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต จะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบอัจฉริยะของรถยนต์มากขึ้น ก็จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเข้ามามีบทบาทพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้อีกด้วย
สำหรับข้อมูลเดือนตุลาคม 68 บีโอไอได้ให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและกิจการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 1.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมกิจการผลิตรถยนต์ BEV 21 โครงการ เงินลงทุนรวม 40,449 ล้านบาท กิจการผลิตแบตเตอรี่ 54 โครงการ เงินลงทุนรวม 79,473 ล้านบาท กิจการผลิตชิ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ เช่น Traction Motor, BMS DCU, Inverter, On-board Charger 45 โครงการ เงินลงทุนรวม 10,002 ล้านบาท กิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 32 โครงการ เงินลงทุนรวม 6,066 ล้านบาท