In Brief
คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยรายงานสถานการณ์ฝนในพื้นที่ภาคใต้ แสดงให้เห็นถึงปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในระดับวิกฤตต่อเนื่องตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยพบจุดที่วัดปริมาณน้ำฝนสะสม 7 วัน สูงกว่า 1,300 มิลลิเมตร และในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ยังคงมีปริมาณฝนเกิน 300 มิลลิเมตรในหลายพื้นที่ ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงสูงของการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่ขยายวงกว้าง
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนในภาคใต้ยังคงอยู่ในเกณฑ์ "หนักมาก" (มากกว่า 90 มิลลิเมตร) โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนล่างของภาค มีการบันทึกปริมาณฝนสูงสุดเกิน 300 มิลลิเมตรในสองจังหวัดหลัก:
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ที่ปริมาณฝนใกล้เคียง 300 มิลลิเมตร ได้แก่ ต.จะบังติกอ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี 298.0 มิลลิเมตร ณ เวลา 16:00 น. และ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 286.3 มิลลิเมตร ณ เวลา 07:00 น..
ปริมาณน้ำฝนเกิน 200 มิลลิเมตรมีการกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด:
ปริมาณฝนที่ยังคงหนักต่อเนื่องเกิน 100 มิลลิเมตรกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค เช่น:
ข้อมูลปริมาณน้ำฝนสะสมในรอบ 7 วันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าหลายพื้นที่ต้องเผชิญกับปริมาณน้ำมหาศาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุทกภัยรุนแรง:
พื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมเกิน 1,000 มิลลิเมตร : ภาคใต้ตอนล่างมีจุดที่ปริมาณฝนสะสมสูงเกิน 1,000 มิลลิเมตร ถึง 9 แห่ง โดยมีจุดสูงสุดอยู่ที่จังหวัดสงขลา
ปริมาณฝนสะสม 900 มิลลิเมตรขึ้นไป : พื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมใกล้เคียงหรือเกิน 900 มิลลิเมตร ยังคงอยู่ในหลายอำเภอของจังหวัดปัตตานี สงขลา ยะลา และพัทลุง:
ปริมาณฝนสะสม 800 มิลลิเมตรขึ้นไป : แม้แต่พื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสูงสุด ก็ยังได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนสะสมที่สูงมาก:
ปริมาณฝนสะสมที่สูงลิ่วเช่นนี้ โดยมีค่าสูงสุดถึง 1,350.0 มิลลิเมตร ในรอบ 7 วัน สะท้อนให้เห็นว่าหลายอำเภอในภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา ปัตตานี และพัทลุง กำลังประสบกับปัญหาการระบายน้ำที่รุนแรงและยาวนาน เนื่องจากดินได้อิ่มตัวด้วยน้ำอย่างสมบูรณ์แล้ว
การที่มีฝนตกในระดับ "หนักมาก" (>90 มิลลิเมตร) อย่างต่อเนื่องในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดทั่วหลายจังหวัด ตั้งแต่ พัทลุง ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สตูล นราธิวาส ไปจนถึงนครศรีธรรมราช ยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วมให้วิกฤตมากขึ้นไปอีก
ที่มาข้อมูล - คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง