sustainable

กลุ่ม TCP นำร่องแนวคิด EPR ดันเทศบัญญัติการจัดการขยะในระนอง

    กลุ่ม TCP เดินหน้านำร่องแนวคิด EPR มุ่งสู่การเกิดเทศบัญญัติการจัดการขยะในจังหวัดระนองสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน

นางสาวอาจรีย์ สุวรรณกูล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยว่าได้ดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) มุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการขยะในชุมชนที่ตำบลหงาวและตำบลบางนอน จังหวัดระนอง ระหว่างปี 2565 - 2567 

ทั้งนี้ โดยใช้แนวคิด Extended Producer Responsibility (EPR) หรือหลักการขยายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตให้ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตบรรจุภัณฑ์ มาใช้เป็นแนวทางหลักในการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ผลักดันสู่การจัดทำเทศบัญญัติการจัดการขยะ 

รวมถึงต่อยอดสู่การนำเสนอแนวทางเชิงนโยบายให้กับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศในระยะยาว

”TCP ได้ร่วมพัฒนาโมเดล EPR สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร ซึ่งต่อมาได้นำมาทดลองใช้จริงภายในองค์กร โดยบทเรียนที่จากการทำงานร่วมกับ IUCN และชุมชนทำให้เข้าใจปัญหาในแต่ละจุดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยโครงการดังกล่าวจะทำให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมและระบบจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม จึงถือได้ว่าเป็นการสร้างประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติ”

กลุ่ม TCP นำร่องแนวคิด EPR ดันเทศบัญญัติการจัดการขยะในระนอง

นางสาวอาจรีย์ กล่าวต่อไปว่า ได้เลือกจังหวัดระนอง เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินโครงการ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกันก็มีทรัพยากรธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างแนบแน่น โดยโครงการได้สร้างความเข้าใจด้านการแยกขยะและการเก็บคืนบรรจุภัณฑ์เข้าสู่ระบบรีไซเคิล ส่งเสริมให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การยกระดับสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จากจำนวนขยะที่ลดน้อยลง 

โดยผลลัพธ์ที่สำคัญของโครงการคือการสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านกองทุนบุญและธนาคารขยะ รวมถึงการผลักดันให้เกิดเทศบัญญัติการจัดการขยะในตำบลหงาว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในระดับท้องถิ่น

ดร.ภัทรียา สวนรัตนชัย ผู้อำนวยการแผนงานประเทศไทย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของชุมชนในพื้นที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อว่าชุมชนที่ผ่านโครงการดังกล่าวจะสามารถเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในฐานะวิทยากรหรือที่ปรึกษาในการต่อยอดแนวทางอย่างเหมาะสมต่อไป

สำหรับวัสดุรีไซเคิลที่เก็บคืนจากพื้นที่ตำบลหงาวและตำบลบางนอนมีปริมาณสูงถึง 129,193.50 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 490,062.85 บาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพของระบบที่พัฒนาขึ้น