net-zero

“บ้านปู เน็กซ์” ลุย Net Zero เร็วกว่าเป้าหมายประเทศ 25 ปี

    บ้านปู เน็กซ์ ประกาศเดินหน้าสู่ Net Zero เร็วกว่าเป้าหมายประเทศ 25 ปี ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ที่ครอบคลุมทุกด้านการลดก๊าซการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมลุยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มุ่งมั่นสนับสนุนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคต ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน มีการดำเนินงานใน 7 ประเทศ โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2583 (ค.ศ. 2040) สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

ผ่านกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 ลง 30% ภายในปี 2573 จากปีฐาน 2566 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกขอบเขตลง 50% ภายในปี 2578 เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ ชุมชน และผู้มีส่วนได้เสียทั่วทั้งระบบนิเวศในการดำเนินงาน

“บ้านปู เน็กซ์” ลุย Net Zero เร็วกว่าเป้าหมายประเทศ 25 ปี

ทั้งนี้ การประกาศเป้าหมายของบริษัทบ้านปู เน็กซ์ สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero ที่เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทยถึง 25 ปี ที่มีเป้าหมาย บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608

การดำเนินงานของบ้านปู เน็กซ์ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero จะอยู่ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลักที่ครอบคลุมทุกด้านของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประกอบด้วย

1.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขอบเขต โดยขอบเขตที่ 1 ให้บริการลูกค้าโดยนำโปรแกรมซ่อมบำรุงอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และลดการรั่วไหลของสารทำความเย็น พร้อมทั้งทยอยเปลี่ยนรถของบริษัทฯ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2573

ส่วนขอบเขตที่ 2 จัดกิจกรรมลดคาร์บอนในองค์กร เชิญชวนพนักงานให้มีส่วนร่วม และพัฒนาการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ สำหรับขอบเขตที่ 3 บริษัท เลือกใช้ซัพพลายเออร์ที่สามารถส่งมอบอุปกรณ์และบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ และดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลัก ESG

2.ขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานสะอาด ผ่านการนำเสนอโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ร่วมกับการใช้ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ของซัพพลายเออร์และพันธมิตรทางธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยลดขอบเขตที่ 3 ให้กับบ้านปู เน็กซ์

3.ดำเนินโครงการดูดกลับคาร์บอน แสวงหาโอกาสกับภาครัฐและเอกชนจัดทำโครงการปลูกต้นไม้ และศึกษาความเป็นไปได้ในการดูดกลับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร เพื่อสนับสนุนการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนโดย TGO

4.การสนับสนุนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยนำเสนอโซลูชัน Net Zero รวมถึงเอกสารรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) และคาร์บอนเครดิต เพื่อช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอน

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตามแผนงานสู่ Net Zero บริษัทฯ ได้กำหนดให้ปี 2566 (ค.ศ. 2023) เป็นปีฐาน โดยผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก. / TGO) เป็นที่เรียบร้อย และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 6% ต่อปี โดยภายในปี 2568 บ้านปู เน็กซ์ จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

นอกจากนี้ บ้านปู เน็กซ์ อยู่ในระหว่างการขอการรับรอง Net Zero Pathway จาก TGO ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับประเทศที่ส่งเสริมกรอบการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ

จากความสำเร็จก้าวแรกในปี 2566 บริษัทได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญจากการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ใช้ International REC Standard (I-REC) เพื่อชดเชยคาร์บอนในขอบเขตที่ 2 ทั้งหมดของบ้านปู เน็กซ์ และบริษัทลูกในประเทศไทย ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 499,680 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้ 28 ล้านตัน

ปัจจุบันบ้านปู เน็กซ์มีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกที่เซ็นสัญญาแล้ว 1,030 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ในต่างประเทศกำลังผลิตรวม 745 เมกะวัตต์ และระบบโซลาร์ (โซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ลอยนํ้า และโซลาร์คาร์พอร์ต) กำลังผลิต 285 เมกะวัตต์

ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ BESS ในประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 274 เมกะวัตต์ชั่วโมง โดยโครงการ Iwate Tono มีกำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในมิถุนายน ปี 2568

โครงการ BESS อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ Tsuno มีกำลังผลิต 104 เมกะวัตต์ชั่วโมง โครงการ Aizu มีกำลังผลิต 104 เมกะวัตต์ชั่วโมง และล่าสุดได้เซ็นต์สัญญาดำเนินโครงการ Kamigumi-Tokyo BESS กำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ชั่วโมง โดยทั้ง 3 โครงการนี้คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2571

รวมทั้งธุรกิจโรงงานแบตเตอรี่ในไทย ปัจจุบันโรงงานผลิตแบตเตอรี่ SVOLT Thailand สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลในประเทศไทย มีกำลังการผลิต 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง และโรงงานประกอบแบตเตอรี่ดีพี เน็กซ์ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศไทย มีกำลังการผลิตช่วงแรก 200 เมกะวัตต์ชั่วโมง และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตสูงสุดเป็น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงในอนาคต