sustainable

“Prysmian” ปักเป้าดันโรงงานสีเขียวทั่วโลกปี 78 ตอบสนองภาคธุรกิจ

    Prysmian เดินหน้าดันโรงงานสีเขียวทั่วโลกให้ได้ในปี 78 ระบุเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิต วัสดุ การขนส่ง การจัดการน้ำ และสิ่งแวดล้อม ตอบสนองภาคธุรกิจ

นายพิชัย สุทธิจินตทิพย์ประธานฝ่ายบริหาร ประจำประเทศไทย Prysmian ผู้ผลิตสายไฟฟ้า สายสื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตั้งเป้าดำเนินการให้โรงงานทั่วโลกเป็นโรงงานสีเขียวในปี 2578 ซึ่งเป็นมิตรกับธรรมชาติ

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าการจะผลิตสายไฟฟ้าให้เป็นสีเขียวได้ โรงงานจะต้องเป็นสีเขียวให้ได้ก่อน โดยเริ่มจากกระบวนการผลิต วัสดุ การขนส่ง การจัดการเรื่องน้ำและสภาพสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันโรงงานที่ระยองได้มีการติดตั้ง Solar Rooftop  เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ลดโลกร้อน

“โรงงานที่ระยองมีการผลิตจำหน่ายในประเทศ 70% และส่งออก 30% ไปยังสิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยเฉพาะนิวซีแลนด์ ที่มีความต้องการสายสื่อสารโทรคมนาคมสายไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโรงงานที่ระยองสามารถตอบโจทย์ โดยเน้นการผลิตสายสื่อสาร  E-Path ECO-CABLE ที่ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” 

อย่างไรก็ดี บริษัทยังมุ่งพัฒนานวัตกรรม ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและชุมชน ตอบโจทย์ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา R&D  ที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการในแต่ละอุตสาหกรรม และทุกภาคส่วน 

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาพรวมของตลาดสายสื่อสารโทรคมนาคม และสายไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตสูงมากกว่าภูมิภาคอื่น  ไม่ว่าจะเป็นจีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยเฉพาะเมืองไทยซึ่งมึตลาดใหม่ๆ มีลูกค้าใหม่ มีนวัตกรรมต่างๆเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมด้าน Data Center 

สำหรับตลาดในไทยบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในภูมิภาคเอเชียบริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นจึงให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์  สร้างนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาด มีการลงทุนขยายการผลิตอย่างต่อเนื่อง

"สิ่งสำคัญที่ทำให้ตลาดรวมสายสื่อสาร โทรคมนาคมและสายไฟฟ้า มีการเจริญเติบโตเพราะธุรกิจสื่อสาร มีความต้องการไม่สิ้นสุด คาดการณ์ว่าใน 3-5ปี ข้างหน้า ตลาดจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 4-5% เนื่องจากการเติบโตของ AI และ Data Center รวมถึง โรงงานต่าง ๆ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าใต้ดิน"

ด้านตลาดรวมในไทยปี 2568 นี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 20% อนึ่งยอดขายในปี 2567 เราที่เติบโตไปแล้วที่มากกว่า 40% จากปี 2566