40ปี ‘แสนสิริ’พลเมืองดีของประเทศ ชูบทบาทเอกชนยุคใหม่ ต้นแบบโครงการใช้ได้จริง ไม่ใช่เพียง ผู้บริจาค

23 ธ.ค. 2568 | 06:20 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2568 | 06:33 น.

“แสนสิริ” ยืนหยัด 40 ปี พลเมืองดีของประเทศ ชูบทบาทเอกชนยุคใหม่ สร้างต้นแบบโครงการนำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่เพียง “ผู้บริจาค”

KEY

POINTS

  • แสนสิริดำเนินธุรกิจครบรอบ 40 ปี ชูบทบาทการเป็น "พลเมืองดีของประเทศ" ที่มุ่งสร้างต้นแบบโครงการเพื่อสังคมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เป็นเพียงผู้บริจาค
  • ริเริ่มโครงการช่วยเหลือสังคมหลากหลายมิติ เช่น สร้าง "บังเกอร์นวัตกรรม" ให้ทหารชายแดน, รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงเพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำ และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
  • ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านโครงการ "Zero Dropout" เพื่อสร้างโมเดลต้นแบบป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษา และร่วมมือกับสถาบันการศึกษาพัฒนาหลักสูตร

 

นอกจาก “แสนสิริ” จะโดดเด่นในฐานะหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของไทย เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาคการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อีกหนึ่งความโดดเด่นคือ ความมุ่งมั่น “ยืดหยัด” ในพันธกิจของการเป็นองค์ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นพลเมืองดีของประเทศ (Good Citizen) มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี

สมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในแกนหลักการทำงานด้าน ESG ของแสนสิริมากว่า 40 ปี คือการดูแล 4 เสาหลัก ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน คู่ค้า และสังคมตอกย้ำแนวคิดมุ่งสร้างทุกวันให้ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสังคมที่ดี ชุมชนแข็งแรง 

ในส่วนของสังคม แสนสิริได้มีการการสนับสนุนกิจกรรม โครงการ เพื่อตอบแทนสังคมหลากหลายรูปแบบโดยยืนอยู่บนหลักการสำคัญไม่ใช่ผู้บริจาค ไม่เน้นการเพิ่มจำนวนกิจกรรม แต่จะให้ความสำคัญกับ “การสร้างต้นแบบที่ประเทศนำไปใช้ได้จริง” ร่วมกับภาครัฐ, ชุมชน รวมถึงองค์กรพันธมิตร เพื่อร่วมหาทางออกของปัญหาที่แท้จริง ตามแนวคิด No One Left Behind แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร ต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

แสนสิริสนับสนุนกิจกรรม

อาทิ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ได้ระดมทีมวิศวกรและพารต์เนอร์ของบริษัทให้ความช่วยเหลือลูกบ้าน ล่าสุดภัยธรรมชาติน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้รวบรวมจุดให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก เบอร์โทร ศูนย์พักพิงและจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

แสนสิริสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม

นอกจากนี้ยังได้นำเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่นี้ มาเป็น “กรณีศึกษา” เพื่อพัฒนาแผนรับมือและยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะมิติการขาดแคลนไฟฟ้า สภาวะที่ยานพาหนะไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยว และข้อจำกัดด้านการสื่อสาร นับเป็นการออกแบบเชิงระบบเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว  

ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานีที่ยังมีความอ่อนไหว แสนสิริได้นำความเชี่ยวชาญด้าน “เทคโนโลยีการก่อสร้างระดับสูง” มาพัฒนาและส่งมอบ “บังเกอร์นวัตกรรม”

ส่งมอบ “บังเกอร์นวัตกรรม”

โดยใช้แผ่นกรีนพรีคาสท์ (Green Precast) ซึ่งเป็นแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเสริมเหล็กที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้มีความทนทานต่อแรงกระแทกสูง สามารถรับมือกับแรงสั่นสะเทือนหรือแรงระเบิดในระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มอบให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้าของประเทศในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเป็นเกราะเสริมความปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจิตอาสาแสนสิริยังได้ร่วมบริจาคโลหิตกับสภากาชาดไทยเพื่อสำรองโลหิตให้แก่โรงพยาบาลและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออีกด้วย

ในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ แสนสิริได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา “ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ” นำร่องรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราช กว่า 40 ตัน ในช่วงที่ผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นสะพานเชื่อมเกษตรกรและผู้บริโภค ส่งต่อผลไม้สู่ผู้บริโภคโดยตรง

อาทิ ลูกบ้านในโครงการของแสนสิริ, แสนสิริคอมมูนิติ้ และชุมชนโดยรอบโครงการของแสนสิริ ที่ผ่านมายังจัดกิจกรรม “ของดีต้องไปต่อ บรรทัดทอง In Sansiri Community” สร้างโอกาสให้ร้านอาหารขนาดเล็กในตำนานได้กลับมาเสิร์ฟความสุขได้อีกครั้ง

ผ่านพื้นที่ในโครงการและคอมมูนิตี้ต่างๆ ของแสนสิริ โดยแสนสิริมองว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้พื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจ แต่เป็นการส่งต่อความรักและความห่วงใย “ช่วยเหลือคนตัวเล็กที่มีศักยภาพให้ไปต่อ” ในช่วงภาวะเศรษฐกิจเปราะบาง 

 ด้านการสร้าง “ความเสมอภาคทางการศึกษา” แสนสิริเข้าไปร่วมแก้ปัญหา “เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา” รวมถึง “เด็กไร้สัญชาติ” ให้ได้รับการศึกษา ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ภายใต้โครงการ “Zero Dropout : เด็กทุกคนต้องได้เรียน”

โดยร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. นำร่องที่จังหวัดราชบุรี เพื่อหวังเป็น “โมเดลต้นแบบ” ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ด้วยการสร้างกลไกติดตามและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดช่วง พ.ศ. 2565–2568

โครงการ Ratchaburi Zero Dropout สามารถช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนในและนอกระบบการศึกษาแล้วกว่า 13,000 คน ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ, ทุนรอยต่อ ป.6, ม.3, อาสาสมัคร 3 พลัง, ศูนย์การเรียนสร้างโอกาส, โมเดลชีวิตเด็กนอกระบบ และ Learn to Earn กับสถานประกอบการในพื้นที่ 

นอกจากนี้ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาการศึกษา ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษา  แสนสิริได้ลงนามร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อออกแบบการเรียนการสอนตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจ 

อีกภาพสะท้อนการพัฒนาสังคมคือโครงการ “แสนสิริ อะคาเดมี” พื้นที่เรียนรู้นอกห้องเรียนที่เปิดให้ชุมชนใช้จัดกิจกรรมร่วมกัน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติ

และนี่คือส่วนหนึ่งของกิจกรรม โครงการที่แสนสิริร่วมขับเคลื่อนในรอบปี 2568 โดยผนึกกำลังกับพันธมิตร ทำให้การดำเนินการรวดเร็ว ราบรื่น และมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกัน “ออกแบบทางออกเชิงระบบ” สร้างต้นแบบโครงการที่นำไปใช้ได้จริง ในหลากหลายภารกิจ ร่วมกันคนละไม้คนละมือต่อเป็นจิ๊กซอว์ใหญ่ สะท้อนภาพการเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ (Good Citizen) 

ในช่วงท้ายปีนี้ อยากชวนทุกคนร่วมกิจกรรม Christmas of Sharing เพื่อร่วมส่งต่อสิ่งของจำเป็นและของใช้ที่ยังมีคุณค่าได้เดินทางไปสร้างรอยยิ้มให้กับอีกหลายครอบครัว (ของใช้ใหม่หรือสภาพดี ของอุปโภคบริโภค ยาและอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ อาหารและของใช้สัตว์เลี้ยง  เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน) ร่วมบริจาคได้ที่นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา และนาราสิริ พหล - วัชรพล ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,160 วันที่ 25 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568